Skip to content

Free standard shipping on orders over 10,000 THB

Blog

Red Wine เปิดโลกไวน์แดง สำหรับนักดื่มทุกระดับ

by Ahead Shopify 26 Dec 2024

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

Red Wine เปิดโลกไวน์แดง สำหรับนักดื่มทุกระดับ

Red Wine
ไวน์แดง หรือ Red Wine เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยม และแพร่หลายทั่วโลก ทั้งในกลุ่มนักดื่มมือใหม่ และนักดื่มมือโปร เพราะว่า Red Wine นั้นผลิตมาจากองุ่นที่ใช้ทั้งเนื้อ และผิวองุ่นในกระบวนการหมัก ทำให้ Red Wine มีสีแดงเข้ม และสร้างความหลากหลายของรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์องุ่น และแหล่งผลิต และด้วยความหลากหลายของ Red Wine จึงทำให้สามารถตอบโจทย์สไตล์การดื่มของนักดื่มได้ทุกระดับ ทุกรูปแบบ ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Wine Cellar BKK ก็จะพานักดื่มมาทำความรู้จักกับ “Red Wine” ว่ามีกี่แบบ แตกต่างกันยังไง และมาจากประเทศไหนบ้าง พร้อมแนะนำไวน์แดงที่สามารถตอบโจทย์สายดื่มได้ทุกสไตล์ และแนะนำวิธีการเสิร์ฟ การดื่ม การจับคู่อาหาร และการเก็บรักษา ที่จะช่วยให้นักดื่มสัมผัสถึงความพรีเมียมของ Red Wine ได้อย่างดีเยี่ยมมากขึ้น โดยจะมีรายเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันในบทความนี้ได้เลย!

1. ทำความรู้จักกับ “Red Wine” มีกี่แบบ แตกต่างกันยังไง มาจากประเทศไหนบ้าง?

สำหรับนักดื่มที่ชื่นชอบการดื่มไวน์แดง หรือกำลังจะเข้าวงการไวน์แดง และอยากจะทำความรู้จักกับ Red Wine กันมากขึ้น ว่ามีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันยังไง และมาจากประเทศไหนบ้าง เพราะว่า Red Wine แต่ละประเภทนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับสายพันธุ์องุ่น แหล่งผลิต กระบวนการหมักบ่ม และปัจจัยอื่นๆ ดังนั้น ในหัวข้อนี้จึงจะพานักดื่มมาทำความรู้จักกับ Red Wine ระหว่างโลกเก่า และโลกใหม่ ว่ามีต้นกำเนิดมาจากไหน และมีข้อแตกต่างกันยังไงบ้าง ดังนี้

1.1 Red Wine โลกเก่า

Red Wine

ไวน์แดงโลกเก่า หรือ Old World Wines คือ ไวน์แดงที่มีการผลิตมานานกว่า 600 ปี ด้วยการใช้กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม ที่มีความเคร่งครัด และพิถีพิถันในทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่ขั้นตอนในการเพาะปลูกองุ่น ที่พื้นที่ในการเพาะปลูกนั้นจะต้องมีสภาพดิน น้ำ อุณหภูมิ ความชื้น สภาพอากาศ และสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการปลูกองุ่น และจะต้องเลือกพันธุ์องุ่นให้เหมาะสมกับพื้นที่ปลูกด้วย รวมถึงในขั้นตอนการหมักบ่มนั้นจะต้องใช้ผู้ที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญในการผลิตไวน์เท่านั้น เพราะว่าในทุกกระบวนการผลิต Red Wine โลกเก่าในแต่ละแหล่งผลิตจะต้องทำแบบดั้งเดิม ที่เคยทำแบบไหน ก็จะทำแบบเดิมซ้ำๆ ดังนั้น จึงต้องอาศัยการสะสมความรู้ที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานของการผลิตไวน์โลกเก่าที่ยึดถือกันมาอย่างยาวนาน และทำให้กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมของไวน์โลกเก่านั้นกลายเป็นประเพณี และวัฒนธรรมที่ต้องมีการสืบทอด เพื่อทำการส่งต่อแบบรุ่นต่อรุ่น และเป็นการอนุรักษ์ความเก่าแก่ของการผลิตไวน์โลกเก่า แถมยังทำให้ Red Wine โลกเก่านั้นมีกลิ่นอายของความคลาสสิกอย่างชัดเจน มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ได้มาจากกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม และเป็นจุดเด่นที่บ่งบอกได้ถึงความเป็น Red Wine โลกเก่านั่นเอง


โดย Red Wine โลกเก่านั้นจะมีแหล่งผลิตมาจากแถบยุโรป และแถบตะวันออกกลาง ที่ถือว่าเป็นแหล่งกำเนิดของไวน์ ซึ่งคำว่า “โลกเก่า” ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำที่ใช้เรียกไวน์แดงที่มีกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ว่ายังรวมถึงประเทศที่เป็นแหล่งผลิตไวน์ด้วย เพราะว่าประเทศในแถบยุโรปนั้นถูกระบุไว้ในแผนที่โลกโบราณ ในช่วงสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 16 และถือว่าเป็นแผ่นดินโลกเก่าที่มีประวัติศาสตร์การผลิตไวน์มานานกว่า 1,000 ปี และประเทศที่เป็นแหล่งผลิตของไวน์แดงโลกเก่าก็จะมีหลากหลายประเทศ อย่างเช่น ประเทศฝรั่งเศส, ประเทศอิตาลี, ประเทศเยอรมัน, ประเทศสเปน, ประเทศโปรตุเกส, ประเทศกรีซ, ประเทศฮังการี, ประเทศอิสราเอล และประเทศเลบานอน เป็นต้น 


ด้วยพื้นที่เพาะปลูก การเลือกใช้สายพันธุ์องุ่น และกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม จึงทำให้ Red Wine โลกเก่านั้นมีรสชาติที่มีความเข้มข้น หวานน้อย แต่จะมีความคลาสสิกที่เป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจน เพราะว่าจะมีรายละเอียดต่างๆ ที่มีความซับซ้อน มีรสสัมผัสที่มีความบางเบา มีความกลิ่นของความเป็นแร่ธาตุอย่างชัดเจน และมีความหอมของดอกไม้ ดิน และสมุนไพรผสมผสานเข้าอยู่ด้วย รวมถึงมีปริมาณของแอลกอฮอล์น้อยกว่า มีความเข้มข้นของมวลไวน์น้อยกว่า และมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่า เพราะว่ามีกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม ทำให้ปริมาณไวน์แดงที่ได้นั้นมีจำกัด และถ้าหากยิ่งเก็บไว้นานก็จะมีราคาสูงมากขึ้นเป็นเท่าตัว

1.2 Red Wine โลกใหม่

Red Wine

ไวน์แดงโลกใหม่ หรือ New World Wines คือ ไวน์แดงที่มีการผลิตมาน้อยกว่า 500 ปี ด้วยการใช้กระบวนการในการผลิตที่มีการนำกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมมาปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนา พร้อมกับมีการใช้เครื่องจักร หรือเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาร่วมด้วย ทำให้กระบวนการผลิต Red Wine โลกใหม่มีความทันสมัย และสะดวกสบายมากขึ้น แต่ว่าสายพันธุ์องุ่นที่ใช้ในการผลิตก็ยังคงนำเข้ามาจากแถบยุโรป ที่ใช้ในการผลิตไวน์แดงโลกเก่า รวมถึงมีการทดลองผสมสายพันธุ์องุ่นแบบใหม่ๆ เพื่อให้ได้สายพันธุ์องุ่นที่มีความเหมาะสมต่อพื้นที่ในการเพาะปลูก สภาพดิน น้ำ อากาศ และอุณหภูมิในแต่ละแหล่งผลิตมากยิ่งขึ้น ทำให้ Red Wine โลกใหม่นั้นมีกลิ่นอายเฉพาะของตัวเอง และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งมีข้อดีตรงที่สามารถเปลี่ยนแปลงให้ตอบโจทย์ความต้องการ หรือไลฟ์สไตล์ของนักดื่มที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้


โดย Red Wine โลกใหม่ มีแหล่งผลิตมาจากประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่ในแถบยุโรป ด้วยความที่ไม่ได้ใช้กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม จึงทำให้มีแหล่งผลิตอย่างหลากหลาย และทำให้มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่สามารถบ่งบอกได้ถึงแหล่งผลิตได้อย่างชัดเจน รวมถึงมีความแตกต่างกันจาก Red Wine โลกเก่าในหลายๆ จุดด้วย ซึ่ง Red Wine โลกใหม่นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการล่าอาณานิคม และการสำรวจแผ่นดินใหม่ ทำให้มีการนำกระบวนการในการผลิตไวน์แดงนั้นไปเผยแพร่ยังหลากหลายประเทศ ส่งผลให้ประเทศที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่มีการผลิตไวน์แดงโลกใหม่ของตัวเองขึ้นมา เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา, ประเทศแคนาดา, ประเทศออสเตรเลีย, ประเทศนิวซีแลนด์, ประเทศชิลี, ประเทศอาร์เจนตินา, ประเทศแอฟริกาใต้, ประเทศญี่ปุ่น หรือประเทศจีน เป็นต้น


ด้วยพื้นที่เพาะปลูก การเลือกใช้สายพันธุ์องุ่น กระบวนการผลิต และแหล่งผลิตที่มีความหลากหลาย จึงทำให้ Red Wine โลกใหม่นั้นมีรสชาติที่มีความหอมหวาน เข้มข้น และค่อนข้างออกทางฟรุ๊ตตี้ มีรสสัมผัสแบบ Full Body เกือบทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ มีกลิ่นที่มีความหอมหวานของผลไม้อย่างชัดเจน และแทบจะไม่มีกลิ่นแร่ธาตุ หรือกลิ่นดิน แต่จะมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่า มีความเข้มข้นของมวลไวน์มากกว่า และมีราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะมีกระบวนการผลิตที่ทันสมัย สามารถผลิตได้ในปริมาณเยอะ และส่วนใหญ่เมื่อซื้อมาแล้วก็สามารถดื่มได้เลย เก็บไว้นานแค่ไหนก็มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นเหมือนเดิม

2. แนะนำ 9 Red Wine โลกเก่า คลาสสิก เข้มข้น ตามสไตล์ดั้งเดิม

Red Wine

สำหรับ Red Wine โลกเก่าที่มีรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และรายละเอียดต่างๆ ที่มีความคลาสสิก และเข้มข้นตามสไตล์การผลิตแบบดั้งเดิมที่เป็นที่นิยมนั้นก็มีทั้งหมด 9 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นนั้นก็จะมีรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้

2.1 Chateau d’Armailhac

Chateau d’Armailhac หรือไวน์ตุ๊กตาเดี่ยว เป็น Red Wine โลกเก่าที่มาจากประเทศฝรั่งเศส ผลิตมาจากองุ่น 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Merlot, Cabernet Franc และ Petit Verdot มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity สูง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานของผลไม้ตระกูลเบอร์รี เช่น แบล็คเคอแรนท์ แบล็คเบอร์รี แบล็คราสป์เบอร์รี และพลัม เป็นต้น และมีความเข้มข้นจากเหล่าเครื่องเทศ และสมุนไพรนานาชนิด ทั้งนี้ Chateau d’Armailhac มีให้เลือกหลากหลายวินเทจ และในแต่ละวินเทจอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย


> ดูสินค้า Chateau d’Armailhac เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.2 Chateau Clerc Milon

Chateau Clerc Milon หรือไวน์ตุ๊กตาคู่ เป็น Red Wine โลกเก่าที่มาจากประเทศฝรั่งเศส และติดอันดับ 1 ใน 5 วินยาร์ดที่ได้ระดับ Premier Cru Classé ชั้นห้า ผลิตมาจากองุ่น 5 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot, Petit Verdot และ Carmenere ที่ผ่านการเพาะปลูกมาแบบ Biodynamic มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity สูง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานของผลไม้สีดำ และผลไม้สีแดง มีความหอมละมุนของดอกไม้นานาชนิด และความเข้มข้นจากเครื่องเทศนานาชนิด ทั้งนี้ Chateau Clerc Milon มีให้เลือกหลากหลายวินเทจ และในแต่ละวินเทจอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย


> ดูสินค้า Chateau Clerc Milon เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.3 Chateau Mouton Rothschild

Chateau Mouton Rothschild เป็น Red Wine โลกเก่าที่มาจากประเทศฝรั่งเศส และถูกจัดเป็น 1 ใน 5 ไวน์เสือบอร์กโดซ์ ผลิตมาจากองุ่น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Merlot และ Petit Verdot มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity สูง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานจากผลไม้สีดำ เช่น แบล็คเคอแรนท์ แบล็คเบอร์รี แบล็คเชอร์รี บลูเบอร์รี และพลัม และผลไม้สีแดงอย่างราสป์เบอร์รี และเชอร์รี ผสมผสานกับความหอมละมุนจากดอกไวโอเล็ต และกุหลาบแห้ง รวมถึงคาราเมล และวานิลลา ปิดท้ายด้วยเครื่องเทศ และสมุนไพรต่างๆ อย่างยี่หร่า จันทน์เทศ อบเชย ไม้จันทน์ โอ๊ค และใบยาสูบ เป็นต้น


> ดูสินค้า Chateau Mouton Rothschild เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.4 Chateau Pichon Baron

Chateau Pichon Baron เป็น Red Wine โลกเก่าที่มาจากประเทศฝรั่งเศส และถูกจัดให้เป็น 1 ใน 15 ไวน์ชั้นสอง หรือ Deuxiemes Crus แห่งบัญชี Bordeaux Wine Official Classification of 1855 ผลิตมาจากองุ่น 5 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot,  Malbec และ Petit Verdot มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity สูง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานขององุ่น และผลไม้ตระกูลเบอร์รี ผสมผสานกับความหอมละมุนจากดอกไม้นานาพันธุ์ วานิลลา ช็อคโกแลต และกาแฟ ปิดท้ายด้วยเครื่องเทศ และสมุนไพรต่างๆ เช่น ไม้จันทน์ ลูกจันทน์เทศ อบเชย โอ๊ค และยาสูบ เป็นต้น


> ดูสินค้า Chateau Pichon Baron เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.5 Chateau Lascombes

Chateau Lascombes เป็น Red Wine โลกเก่าที่มาจากประเทศฝรั่งเศส ผลิตมาจากองุ่น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Merlot และ Petit Verdot มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนินสูง และมี Acidity ปานกลาง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานจากผลไม้สีดำ และผลไม้สีแดง เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอแรนท์ ราสป์เบอร์รี และเชอร์รี เป็นต้น ตามมาด้วยความหอมละมุนจากเหล่าดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ และเจือจางด้วยกาแฟแบบอ่อนๆ ปิดท้ายด้วยเครื่องเทศต่างๆ และยาสูบ


> ดูสินค้า Chateau Lascombes เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.6 Mouton Cadet Reserve

Mouton Cadet Reserve เป็น Red Wine โลกเก่าที่มาจากประเทศฝรั่งเศส ผลิตมาจากองุ่น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Merlot, Cabernet Franc และ Cabernet Sauvignon มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity สูง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานขององุ่นทั้ง 3 สายพันธุ์อย่างชัดเจน ผสมผสานเข้ากันกับความหอมหวานผลไม้สีดำสุก เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ บิลเบอร์รี และพลัม และผลไม้สีแดงอย่างสตรอเบอร์รี และความหอมละมุนของวานิลลา กาแฟคั่ว และไม้โอ๊ค ปิดท้ายด้วยความสดชื่นจากน้ำแร่ และความเผ็ดเล็กน้อยจากพริกไทย อบเชย และสมุนไพรนานาชนิด 


> ดูสินค้า Mouton Cadet Reserve เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.7 Alter Ego Margaux

Alter Ego Margaux เป็น Red Wine โลกเก่าที่มาจากประเทศฝรั่งเศส ผลิตมาจากองุ่น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Merlot และ Petit Verdot มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนินปานกลาง และมี Acidity ปานกลาง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานขององุ่นทั้ง 3 สายพันธุ์ ผสมผสานเข้ากันกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี ผลไม้สุก และผลไม้สด ที่ทำให้มีความหอมหวานเป็นพิเศษ และค่อนข้างออกแนวฟรุ๊ตตี้ มีความโอ๊คกี้ ยีสต์ตี้ และสโมคกี้ ที่ช่วยให้รายละเอียดต่างๆ มีความสมดุลมากขึ้น พร้อมเจือจางด้วยยาสูบ และปิดท้ายด้วยเครื่องเทศ และสมุนไพรนานาชนิด


> ดูสินค้า Alter Ego Margaux เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.8 SASSICAIA

SASSSICAIA เป็น Red Wine โลกเก่าที่มาจากประเทศอิตาลี หรือที่นักดื่มหลายๆ คนรู้จักกันในชื่อของ “ไวน์นอกกรอบ”ผลิตมาจากองุ่น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon และสายพันธุ์ Cabernet Franc มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity ปานกลาง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีรสชาติหอมหวานจากองุ่นทั้ง 2 สายพันธุ์อย่างชัดเจน ตามมาด้วยความหอมหวานของผลไม้ตระกูลเบอร์รี ที่ผสมผสานเข้ากันกับลูกเกด มิ้นต์ ยาสูบ และปิดท้ายด้วยเครื่องเทศต่างๆ เช่น พริกไทยขาว อบเชย และจันทน์เทศ เป็นต้น


> ดูสินค้า SASSICAIA เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

2.9 Lynch Bages

Lynch Bages เป็น Red Wine โลกเก่าที่มาจากประเทศฝรั่งเศส ผลิตมาจากองุ่น 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot และ Petit Verdot มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity สูง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานจากผลไม้สีดำอย่างชัดเจน และผสมผสานกับผลไม้สีแดงเล็กน้อย ตามมาด้วยความหอมละมุนจากดอกไม้นานาชนิด และช็อคโกแลต ปิดท้ายด้วยเครื่องเทศ และสมุนไพรต่างๆ เช่น ชะเอมเทศ พริกไทยดำ โรสแมรี่ และยาสูบ เป็นต้น


> ดูสินค้า Lynch Bages เพิ่มเติม คลิก ที่นี่ 

 

3. แนะนำ 5 Red Wine โลกใหม่ หอมหวาน ดื่มง่าย มีกลิ่นอายเฉพาะตัว

Red Wine

สำหรับ Red Wine โลกใหม่ที่มีรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และรายละเอียดต่างๆ ที่มีความหอมหวาน ดื่มง่าย และมีกลิ่นอายเฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงแหล่งผลิตได้เป็นอย่างดีนั้นมีทั้งหมด 5 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นที่เป็นที่นิยมของสายดื่มนั้นก็จะมีรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้

3.1 Opus One

Opus one เป็น Red Wine โลกใหม่ที่นักดื่มน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็น Red Wine ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแรร์ไอเทมระดับตำนานของโลก ด้วยความที่เป็นไวน์ลูกผสมระหว่าง 2 สัญชาติอย่างสหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ผลิตมาจากองุ่น 5 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Petit Verdot, Cabernet Franc, Merlot และ Malbec ที่ปลูกขึ้นในไร่องุ่น Karon พื้นที่ที่เพาะปลูกองุ่นที่ดีที่สุดใน Napa Valley มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity สูง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานจากผลไม้สีดำอย่างแบล็คเบอร์รี แบล็คเคอแรนท์ บลูเบอร์รี และพลัม ตามมาด้วยความหอมละมุนจากดอกกุหลาบ และวานิลลา ปิดท้ายด้วยโกโก้ ดาร์คช็อคโกแลต เอสเปรสโซ่ และเครื่องเทศต่างๆ ทั้งนี้ ในแต่ละวินเทจอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

 

> ดูสินค้า Opus One เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

3.2 Robert Mondavi Napa Valley 

Robert Mondavi Napa Valley เป็น Red Wine โลกใหม่ที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตมาจากองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon เป็นหลัก และผสมผสานเข้ากันกับองุ่นอีก 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Petit Verdot, Merlot และ Cabernet Franc มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนินสูง และมี Acidity ปานกลาง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานขององุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon อย่างชัดเจน และความหอมหวานจากผลไม้สีดำอย่างแบล็คเบอร์รี บลูเบอร์รี และพลัม ผสมผสานกับเครื่องเทศ และสมุนไพรชนิดต่างๆ ปิดท้ายด้วยช็อคโกแลต ไม้โอ๊ค และน้ำแร่

 

> ดูสินค้า Robert Mondavi Napa Valley เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

3.3 Robert Mondavi Private Selection 

Robert Mondavi Private Selection เป็น Red Wine โลกใหม่ที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตมาจากองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 100% มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity ปานกลาง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานขององุ่นอย่างชัดเจน ผสมผสานกับความหอมหวานจากผลไม้สีดำ และผลไม้สีแดง ตามมาด้วยความหอมละมุนจากวานิลลา ปิดท้ายด้วยกาแฟคั่ว และไม้โอ๊ค ที่มีความกลอมกล่อม และทิ้งสัมผัสไว้ในปากอย่างยาวนาน 

 

> ดูสินค้า Robert Mondavi Private Selection เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

3.4 Robert Mondavi Red Blend

Robert Mondavi Red Blend เป็น Red Wine โลกใหม่ที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตมาจากองุ่น 6 สายพันธุ์  ได้แก่ สายพันธุ์ Merlot, Tannat, Cabernet Sauvignon, Malbec, Petit Verdot และ Cabernet Franc ที่ผ่านการเพาะปลูกใน Napa Valley มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity ปานกลาง มีรสชาติ และกลิ่นที่มีความหอมหวานจากผลไม้สีดำ และผลไม้สีแดงนานาชนิด เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเชอร์รี ลูกพลัม และราสป์เบอร์รี ตามมาด้วยความหอมละมุนจากลาเวนเดอร์ ข้าวบาร์เลย์ ช็อคโกแลต คาราเมล วานิลลา ผสมผสานกับความอมเปรี้ยวเล็กน้อยจากพุทราจีนแห้ง และปิดท้ายด้วยความหอมฉุนที่ทิ้งความเผ็ดไว้ปลายลิ้นจากเครื่องเทศต่างๆ เช่น อบเชย จันทน์เทศ ยี่หร่า ใบยาสูบ และโอ๊ค เป็นต้น

 

> ดูสินค้า Robert Mondavi Red Blend เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

3.5 Almaviva

Almaviva เป็น Red Wine โลกใหม่ที่มาจากประเทศชิลี ผลิตมาจากองุ่น 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Carmenere และ Petit Verdot และในบางวินเทจก็จะมีการใช้องุ่นสายพันธุ์ Merlot ด้วย มีรสสัมผัสแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนินสูง และมี Acidity ปานกลาง มีรสชาติ และกลิ่น ที่มีความหอมหวานจากองุ่น และผลไม้ตระกูลเบอร์รี ผสมผสานกับความหอมละมุนจากดอกไม้นานาพันธุ์ และคาราเมล ปิดท้ายด้วยชะเอมเทศ และน้ำผลไม้แบบจางๆ ทำให้มีความหอมหวานเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดื่มง่าย เหมาะกับการดื่มในทุกโอกาส

 

> ดูสินค้า Almaviva เพิ่มเติม คลิก ที่นี่ 

 

4. วิธีการเสิร์ฟ การดื่ม การจับคู่อาหาร และการเก็บรักษา Red Wine มีอะไรบ้าง?

Red Wine

สำหรับ Red Wine ที่มีรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และรายละเอียดต่างๆ ที่นักดื่มสามารถสัมผัสได้ง่าย ทำให้สามารถดื่มได้หลากหลายรูปแบบ แต่ว่านักดื่มก็สามารถเข้าถึงรายละเอียดต่างๆ ของ Red Wine ได้อย่างดีเยี่ยมมากยิ่งขึ้น ด้วยการเลือกใช้วิธีการเสิร์ฟ การดื่ม การจับคู่อาหาร และการเก็บรักษา Red Wine อย่างถูกต้อง ดังนั้น ในหัวข้อนี้ทาง Wine Cellar BKK ก็จะพานักดื่มไปดูถึงวิธีต่างๆ ที่ช่วยให้นักดื่มได้เข้าถึงความพรีเมียมของ Red Wine ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งแต่ละวิธีนั้นก็มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

4.1 วิธีการเสิร์ฟ

วิธีการเสิร์ฟ Red Wine นั้นควรทำการเสิร์ฟที่อุณหภูมิห้อง หรือประมาณ 15-18 องศาเซลเซียส เพราะถ้าหากเสิร์ฟในอุณหภูมิที่สูงเกินไป หรือต่ำเกินไป อาจทำให้รสชาติ และกลิ่นมีการเปลี่ยนแปลงได้ พร้อมกับเลือกใช้แก้วไวน์ที่มีปากแก้วกว้างเล็กน้อย เพื่อให้ไวน์สามารถสัมผัสกับอากาศได้อย่างทั่วถึง งและช่วยให้ไวน์ได้เผยรสชาติ และกลิ่นหอมออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ กรณีที่ Red Wine เป็นไวน์โลกเก่าที่เก็บไว้นาน ควรทำการถ่ายไวน์จากขวดใส่ในดีแคนเตอร์ เพื่อช่วยกรองตะกอนที่เกิดขึ้นตามอายุ และช่วยให้ Red Wine สัมผัสกับอากาศ เพื่อเผยรสชาติ และกลิ่นได้ดีขึ้น

4.2 วิธีการดื่ม

วิธีการดื่ม Red Wine ควรเริ่มจากการหมุนแก้วไวน์เล็กน้อย และดมกลิ่น เพื่อสัมผัสถึงความหอม และความซับซ้อนของไวน์ผ่านกลิ่นก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยทำการจิบไวน์เล็กน้อย และพักไวน์ไว้ในปากสักพัก เพื่อให้รสชาติของไวน์แพร่กระจายทั่วทั้งปาก ที่ทำให้ลิ้นได้รับรู้ถึงเนื้อสัมผัสที่มีความเนียน นุ่ม ละมุน และความเข้มข้นของไวน์ แล้วจึงค่อยทำการกลืนลงไปทีละเล็กน้อย เพื่อให้สัมผัสกับรายละเอียดต่างๆ ของ Red Wine ที่ซ่อนไว้ได้อย่างเต็มที่

4.3 วิธีการจับคู่อาหาร

วิธีการจับคู่อาหารกับ Red Wine นั้นสามารถจับคู่กับอาหารได้อย่างหลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่มักจะนิยมจับคู่กับอาหารที่มีรสชาติเข้มข้น อย่างอาหารที่มีส่วนประกอบหลักจากเนื้อแดง เช่น เสต็ก บาร์บีคิว หรือเนื้ออบ รวมถึงอาหารอิตาเลียน เช่น พาสต้า พิซซ่า หรือสปาเก็ตตี้ ที่มีซอสมะเขือเทศ เพราะว่าความเปรี้ยว และเข้มข้นจะช่วยเสริมรสชาติของ Red Wine ได้อย่างลงตัว หรือจะเลือกรับประทานอาการที่มีชีสก็ได้เช่นกัน เพราะว่าชีสจะช่วยเสริมให้รสชาติ และรสสัมผัสของไวน์มีความนุ่มนวล และมีกลิ่นหอมชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วย

4.4 วิธีการเก็บรักษา

วิธีการเก็บรักษา Red Wine เป็นสิ่งที่สามารถช่วยรักษารสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และคุณภาพได้เป็นอย่างดี โดยควรทำการเก็บรักษา Red Wine ไว้ในอุณหภูมิประมาณ 12-18 องศาเซลเซียส เก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นพอสมควร และหลีกเลี่ยงการเก็บในที่อุ่น หรือเย็นเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้ไวน์เสียรสชาติ และควรเก็บไว้ในที่ที่มีความมืด หรือไม่มีแสงส่องถึง เพื่อป้องกันไม่ให้แสงทำลายโครงสร้างของไวน์ และที่สำคัญ คือ ควรทำการจัดเก็บไว้ในแนวนอน เพื่อให้จุดไม้ก๊อกสัมผัสกับไวน์ ไม่แห้ง และป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไปในขวดไวน์ด้วย

 

5. เลือกซื้อ Red Wine ราคาดีที่สุด พร้อมส่ง ของแท้ 100% มีบริการจัดส่งให้ถึงบ้าน สั่งซื้อได้เลยที่ Wine Cellar BKK

Red Wine

ถ้าหากนักดื่มคนไหนที่สนใจอยากจะดื่ม Red Wine หรือกำลังมองหา Red Wine ที่มีราคาดีๆ เข้าถึงง่าย ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Cellar BKK แหล่งนำเข้า และแหล่งจำหน่ายเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีเครื่องดื่มให้นักดื่มได้เลือกสรรกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว แชมเปญ สปาร์คกลิ้งไวน์ คอนญัก วิสกี้ หรือเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ก็มีให้นักดื่มได้เลือกซื้อกันอย่างครบครัน การันตีสินค้าทุกขวดเป็นของแท้ 100% ผ่านการคัดสรรเครื่องดื่มทุกขวดด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน และการันตีว่าจำหน่ายในราคาดีที่สุดในตลาด เพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า และให้นักดื่มเข้าถึงเครื่องดื่มขวดโปรดได้ในราคาย่อมเยา สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้เลยที่ 

  • Line Official : @wincellar24 
  • Website : www.winecellarbkk.com หรือ คลิก ที่นี่

 

มาพร้อมกับบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้าน ที่มีให้นักดื่มได้เลือกใช้ทั้งบริการจัดส่งสินค้าด่วนภายในกทม. ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ถูกใจสายดื่มที่อยู่ในกทม. และอยากได้เครื่องดื่มแบบรวดเร็วทันใจ และบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 1-2 วัน ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน หรืออยู่มุมไหนของประเทศก็สามารถสั่งซื้อเครื่องดื่มกับ Wine Cellar BKK ได้ แพ็คสินค้าทุกออเดอร์เป็นอย่างดี มีการรับประกันสินค้าระหว่างการจัดส่ง หากสินค้าได้รับความเสียหาย แตก หัก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ที่เกิดจากการจัดส่ง ทางร้านยินดีเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นขวดใหม่ให้ทันที แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ให้ยุ่งยาก และยังมีบริการแอดมินให้คำแนะนำสินค้า อยากได้ Red Wine ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน หรืออยากได้เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อยากได้ยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ มีงบประมาณเท่าไหร่ ซื้อดื่มเอง หรือซื้อเป็นของขวัญ ก็สามารถแจ้งแอดมินได้ เพื่อให้แอดมินแนะนำเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์กับความต้องการของนักดื่มมากที่สุด

6. ดูบทความอื่นๆ จาก Wine Cellar BKK คลิก > ที่นี่

Prev Post
Next Post

Thanks for subscribing!

This email has been registered!

Shop the look

Choose Options

winecellarbkk.shop
Please verify your age

Recently Viewed

Edit Option
Back In Stock Notification
Terms & Conditions
What is Lorem Ipsum? Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard dummy text ever since the 1500s, when an unknown printer took a galley of type and scrambled it to make a type specimen book. It has survived not only five centuries, but also the leap into electronic typesetting, remaining essentially unchanged. It was popularised in the 1960s with the release of Letraset sheets containing Lorem Ipsum passages, and more recently with desktop publishing software like Aldus PageMaker including versions of Lorem Ipsum. Why do we use it? It is a long established fact that a reader will be distracted by the readable content of a page when looking at its layout. The point of using Lorem Ipsum is that it has a more-or-less normal distribution of letters, as opposed to using 'Content here, content here', making it look like readable English. Many desktop publishing packages and web page editors now use Lorem Ipsum as their default model text, and a search for 'lorem ipsum' will uncover many web sites still in their infancy. Various versions have evolved over the years, sometimes by accident, sometimes on purpose (injected humour and the like).
this is just a warning
Login
Shopping Cart
0 items