10 เทคนิคการเลือกซื้อไวน์ให้ถูกใจผู้รับ
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
10 เทคนิคการเลือกซื้อไวน์ให้ถูกใจผู้รับ

การเลือกซื้อไวน์เป็นของขวัญนั้นกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่สนใจในไลฟ์สไตล์ และการบริโภคอาหาร และเครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และมีความหรูหรา จึงทำให้การมอบไวน์เป็นของขวัญไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา และรสนิยมที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นทางเลือกในการให้ของขวัญที่สะท้อนถึงความใส่ใจในการเลือกสิ่งที่ดีให้แก่ผู้รับ ไม่ว่าจะเป็นในโอกาสพิเศษ เช่น วันเกิด วันครบรอบ หรือการเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ ดังนั้น การเลือกซื้อไวน์เป็นของขวัญ จึงถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถสร้างความประทับใจได้เสมอ
แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อไวน์ให้ถูกใจผู้รับนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าไวน์นั้นมีให้เลือกหลากหลายประเภท หลากหลายรุ่น หลากหลายยี่ห้อ ทำให้ไวน์แต่ละขวดนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ส่งผลให้การเลือกซื้อไวน์ในแต่ละครั้งจะต้องให้ความสำคัญกับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นประเภทของไวน์ที่เหมาะกับรสนิยมของผู้รับ รสชาติ รสสัมผัส กลิ่น หรือความชอบส่วนตัว ดังนั้น การเลือกซื้อไวน์จึงไม่ควรเพียงแค่คำนึงถึงความหรูหราเท่านั้น แต่ควรพิจารณาถึงลักษณะของไวน์ที่จะเข้ากับความชอบ และรสนิยมของผู้รับด้วย ซึ่งการทำความเข้าใจเกี่ยวกับไวน์อย่างลึกซึ้งก่อนตัดสินใจเลือกซื้อจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด และในบทความนี้ทาง Wine Cellar BKK ก็จะมาแชร์ 10 เทคนิคการเลือกซื้อไวน์ให้ถูกใจผู้รับแบบง่ายๆ โดยแต่ละเทคนิคนั้นจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย!1. ทำความรู้จักกับประเภทต่างๆ ของไวน์

การทำความรู้จักกับประเภทต่างๆ ของไวน์เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การเลือกซื้อไวน์ง่ายมากขึ้น และได้ไวน์ที่ตรงกับความต้องการของผู้รับ เพราะว่าการเข้าใจประเภทไวน์ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเลือกไวน์ที่สอดคล้องกับรสนิยมส่วนตัว หรือโอกาสที่เหมาะสมได้ โดยไวน์นั้นก็จะมีให้เลือกหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันในเรื่องสี รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น ดังนี้
-
ไวน์แดง (Red Wine) เป็นไวน์แดงที่ทำจากองุ่นแดง หรือองุ่นดำ และมักมีรสชาติของผลไม้เข้มข้น เช่น เชอร์รี แบล็คเบอร์รี และบลูเบอร์รี มีแทนนินที่ช่วยเพิ่มรสชาติฝาดเล็กน้อย นิยมผลิตมาจากองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Merlot และ Shiraz และไวน์แดงมักจะมีสีเข้ม และกลิ่นหอมของเครื่องเทศ สมุนไพร หรือไม้โอ๊ค เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน เช่น สเต็ก หรืออาหารปิ้งย่าง เป็นต้น
-
ไวน์ขาว (White Wine) เป็นไวน์ขาวที่ทำจากองุ่นเขียว หรือองุ่นขาว และมักมีรสชาติเบา สดชื่น และมีความเป็นกรดที่เด่นชัด นิยมผลิตมาจากองุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Blanc, Chardonnay และ Riesling ทำให้มีกลิ่น และรสสัมผัสจะหอมหวาน และสดชื่นจากผลไม้สีเขียว เช่น แอปเปิ้ล เลมอน หรือแพร์ เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหารทะเล หรืออาหารที่มีรสชาติเบา
-
ไวน์สปาร์คกลิ้ง (Sparkling Wine) เป็นไวน์ที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้เกิดฟอง เช่น Champagne, Prosecco และ Cava โดยส่วนใหญ่จะมีรสชาติที่สดชื่น หวาน หรือเปรี้ยวเล็กน้อย ทำให้เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลอง หรือดื่มในโอกาสพิเศษต่างๆ แถมยังมีกลิ่นหอมของผลไม้ และดอกไม้ เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหารทานเล่น อาหารเรียกน้ำย่อย หรืออาหารที่มีรสชาติเบา
2. เข้าใจถึงรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นพื้นฐานของไวน์

การเข้าใจถึงรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นพื้นฐานของไวน์ เป็นเทคนิคการเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเลือกไวน์ที่ตรงกับความชอบของผู้รับได้มากยิ่งขึ้น เพราะว่าไวน์แต่ละชนิดมีรสชาติ และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ความหอมหวานของผลไม้หวาน ความเปรี้ยว หรือความสดชื่น รวมถึงรสสัมผัสในปาก เช่น ความเข้มข้นของแทนนิน หรือความนุ่มนวลของไวน์ที่ผ่านการบ่มในถังไม้โอ๊ค ดังนั้น การที่ผู้ซื้อเข้าใจถึงเรื่องเหล่านี้จะทำให้การเลือกซื้อไวน์ที่เหมาะสมกับผู้รับนั้นง่ายขึ้น และสามารถสร้างความประทับใจได้ โดยพื้นฐานของรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของไวน์ที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อไวน์ มีดังนี้
-
รสชาติ (Taste) โดยส่วนใหญ่ไวน์มักจะมีความหวานที่ได้มาจากองุ่นที่มีน้ำตาลสูง แต่ว่าก็จะมีความอมเปรี้ยว ความหอมหวาน และความฝาดจากแทนนิน และรสชาติอื่นๆ ที่ผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว เพื่อให้ไวน์ดื่มง่ายมากขึ้น
-
รสสัมผัส (Texture) เป็นรสสัมผัสในปากของไวน์ที่เรียกว่า "Body" ซึ่งหมายถึงความเข้มข้น หรือความหนาของไวน์ มีให้เลือกตั้งแต่ Light Body จนถึง Full Body โดยไวน์ที่มี Body หนักจะให้ความรู้สึกเต็มปากเต็มคำ และส่วนไวน์ที่มี Body เบามักให้ความรู้สึกสดชื่น และเบาสบาย
-
กลิ่น (Aroma) เป็นไวน์ที่มีความหอมที่มาจากผลไม้ ดอกไม้ และสมุนไพร ยกตัวอย่างเช่น ไวน์แดงมักมีกลิ่นของผลไม้เข้ม เช่น แบล็คเบอร์รี และเชอร์รี ในขณะที่ไวน์ขาวมักมีกลิ่นของผลไม้สด เช่น แอปเปิ้ล และลูกแพร์ เป็นต้น
3. สังเกต หรือศึกษาความชอบในการดื่มไวน์ของผู้รับ
การสังเกต หรือศึกษาถึงความชอบของผู้รับ เป็นวิธีการเลือกซื้อไวน์ที่ช่วยจะให้ผู้ซื้อสามารถเลือกไวน์ได้ถูกใจ และเหมาะสมกับรสนิยมของผู้รับได้ดีที่สุด เพราะว่าการรู้ว่าผู้รับชอบไวน์ประเภทใด รสชาติแบบไหน หรือมีความชอบเฉพาะตัวอะไรบ้าง ก็จะทำให้การมอบไวน์เป็นของขวัญดูมีความใส่ใจ และสร้างความประทับใจให้กับผู้รับได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีในการสังเกต และศึกษาความชอบของผู้รับ มีดังนี้
-
สังเกตการเลือกไวน์ของผู้รับเมื่อไปร้านอาหาร หากมีโอกาสร่วมทานอาหารกับผู้รับ ลองสังเกตว่าผู้รับจะนิยมสั่งไวน์ประเภทไหน เช่น ชอบไวน์แดงที่มีรสชาติหนัก และเข้มข้น หรือชอบไวน์ขาวที่มีความสดชื่น และเบา เป็นต้น
-
สอบถามจากคนใกล้ตัว หากผู้ซื้อไม่รู้จักรสนิยมไวน์ของผู้รับ ก็อาจจะลองสอบถามจากเพื่อน หรือคนในครอบครัวของผู้รับ เพราะว่าการได้ข้อมูลจากคนที่รู้จักดีจะช่วยให้ผู้ซื้อเลือกไวน์ได้ตรงกับความชอบของผู้รับมากขึ้น
4. คำนึงถึงโอกาสที่ต้องการมอบไวน์

การคำนึงถึงโอกาสที่ต้องการมอบไวน์ เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้สอดคล้องกับบรรยากาศ และทำให้ผู้รับรู้สึกถึงความใส่ใจที่มอบให้ แถมยังมีความเหมาะสม และสร้างความประทับใจให้ผู้รับได้มากขึ้น เพราะว่าในแต่ละโอกาสนั้นจะต้องการไวน์ที่มีลักษณะเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับบรรยากาศ และความสำคัญของงาน ดังนั้น การเลือกซื้อไวน์ให้ถูกต้องกับโอกาส จึงช่วยให้การมอบไวน์นั้นดูมีความใส่ใจ และทำให้ผู้รับรู้สึกถึงความพิเศษที่ผู้ซื้อเลือกมาอย่างตั้งใจ โดยปัจจัยที่ควรพิจารณาโอกาสที่จะมอบไวน์ มีดังนี้
-
ลักษณะของงาน หรือโอกาส ควรดูว่าโอกาสนั้นๆ เป็นงานเฉลิมฉลอง งานส่วนตัว หรือโอกาสพิเศษที่เป็นทางการหรือไม่ ตัวอย่างเช่น งานเลี้ยงขนาดใหญ่กับครอบครัว อาจเหมาะกับไวน์ที่ดื่มง่าย และเป็นที่นิยมทั่วไป หรืองานที่เป็นทางการมากขึ้น อาจต้องเลือกไวน์ที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียง ได้รับความนิยมสูง หรือมีความพิเศษ เป็นต้น
-
บุคคลที่ได้รับไวน์ ควรดูว่าผู้รับมีความชื่นชอบไวน์ประเภทใด เพื่อให้การเลือกซื้อไวน์มีความสอดคล้องกับรสนิยมส่วนตัวของผู้รับ ที่จะทำให้การมอบไวน์นั้นมีความพิเศษมากขึ้น
-
บรรยากาศของงาน ควรดูว่าบรรยากาศของงาน หรือโอกาสที่ต้องการมอบนั้นเป็นอย่างไร เพื่อให้การเลือกซื้อไวน์มีความสอดคล้องกับบรรยากาศ เช่น งานกลางแจ้ง หรือในบรรยากาศสบายๆ อาจเลือกไวน์ที่มีความสดชื่น และดื่มง่าย เช่น ไวน์ขาว หรือสปาร์คกลิ้งไวน์ เป็นต้น
โดยตัวอย่างของการเลือกซื้อไวน์ที่คำนึงโอกาสที่ต้องการมอบไวน์ มีดังนี้
-
งานแต่งงาน ควรเลือกเป็นสปาร์คกลิ้งไวน์ หรือแชมเปญ เพราะเป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมสำหรับการฉลองงานแต่งงาน เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของความสุข และการเฉลิมฉลอง และยังช่วยเพิ่มความสดชื่น และเสน่ห์ให้กับงานด้วย
-
งานเลี้ยงวันเกิด: ควรเลือกเป็นไวน์แดงที่มีรสชาติเข้มข้น เช่น ไวน์แดงจาก Cabernet Sauvignon หรือไวน์ขาวที่มีความสดชื่น และให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เช่น ไวน์ขาวจาก Chardonnay เป็นต้น
5. คำนึงถึงอาหาร และโอกาสในการดื่มไวน์

สำหรับเทคนิคการเลือกซื้อไวน์ที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ การคำนึงถึงอาหารที่จะรับประทาน และโอกาสที่ใช้ดื่มไวน์ด้วย เพราะการจับคู่ไวน์กับอาหารที่เหมาะสมจะช่วยเสริมทั้งรสชาติของไวน์ และอาหารให้ดีมากขึ้น และยังทำให้อาหาร และไวน์นั้นเสริมกันอย่างลงตัว ดังนั้น การคำนึงถึงอาหาร และโอกาสในการดื่มไวน์ จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การเลือกซื้อไวน์ง่ายมากขึ้น และสามารถพิจารณาได้จากปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
-
ลักษณะของอาหาร สำหรับไวน์แดง ควรเลือกดื่มคู่กับอาหารที่มีความมัน มีรสชาติจัดจ้าน มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อสัตว์ หรืออาหารที่มีเครื่องเทศ เพราะว่าไวน์แดงมีความเข้มข้น ทำให้สามารถเข้ากับอาหารเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี และสำหรับไวน์ขาวนั้นจะเหมาะกับอาหารทะเล สลัด หรืออาหารทานเล่น เพราะว่าไวน์ขาวมีความสดชื่น และมีความเป็นกรดสูง จึงเหมาะกับการดื่มกับอาหารรสชาติเบาๆ มากกว่า
-
บรรยากาศของงาน ถ้าหากเป็นงานที่มีบรรยากาศเป็นกันเอง หรือไม่เป็นทางการ ก็อาจจะเลือกไวน์ที่มีความสดชื่น ดื่มง่าย ที่ให้ความรู้สึกสดใส และมีชีวิตชีวา แต่ถ้าหากเป็นงานที่เป็นทางการ หรือเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษ ก็ควรเลือกไวน์ที่มีความเข้มข้น ที่จะทำให้กลิ่นอายบรรยากาศมีความเป็นทางการมากขึ้น
-
รสนิยมของผู้ดื่ม ถ้าหากผู้ดื่มมีความชอบไวน์แบบใดเป็นพิเศษ ก็ควรพิจารณาเลือกไวน์ที่สอดคล้องกับรสนิยม และเหมาะกับอาหารที่เสิร์ฟในงาน เพื่อให้มีความเหมาะสม และดูให้ความสำคัญ และใส่ใจกับการเลือกซื้อไวน์
โดยตัวอย่างของการเลือกซื้อไวน์ที่คำนึงอาหาร และโอกาสในการดื่มไวน์ มีดังนี้
-
ดินเนอร์หรู สำหรับมื้ออาหารค่ำสุดหรูที่มีการเสิร์ฟเนื้อสัตว์ปิ้งย่าง หรือสเต็ก ควรเลือกเป็นไวน์แดงที่มีแทนนินสูง และมีความเข้มข้น เช่น Cabernet Sauvignon หรือ Malbec เพราะจะช่วยเสริมรสชาติของเนื้อสัตว์ และเพิ่มความกลมกล่อมให้กับมื้ออาหารมากขึ้น
-
มื้ออาหารกลางวันเบาๆ ควรเลือกเป็นไวน์ขาว เช่น Sauvignon Blanc หรือ Chardonnay ที่มีความสดชื่น และมีความเป็นกรดสูง ที่สามารถเข้ากันได้ดีกับเมนูอาหารที่มีส่วนประกอบของปลา สลัด หรือเมนูอาหารที่มีรสชาตไม่จัดจ้าน
-
งานเฉลิมฉลอง ควรเลือกดื่มเป็นสปาร์คกลิ้งไวน์ หรือแชมเปญ เพราะว่าเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันในงานเฉลิมฉลอง เช่น งานปีใหม่ งานเลี้ยงสังสรรค์ หรือคริสต์มาส ที่สามารถช่วยเพิ่มความสดใส และทำให้บรรยากาศของการเฉลิมฉลองดูสนุกสนาน และมีชีวิตชีวามากขึ้น
6. พิจารณาจากงบประมาณในการเลือกซื้อไวน์
การพิจารณางบประมาณในการเลือกซื้อไวน์ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เลือกซื้อไวน์ได้ง่ายมากขึ้น เพราะว่าไวน์มีหลากหลายประเภท และแต่ละประเภทนั้นก็จะมีระดับราคาที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ไวน์ราคาย่อมเยาจนถึงไวน์ระดับพรีเมียม ดังนั้น การตั้งงบประมาณในการเลือกซื้อไวน์ก็จะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถจำกัดตัวเลือก และตัดสินใจเลือกไวน์ที่เหมาะสมทั้งในด้านคุณภาพ และราคาได้ โดยอาจจะเลือกจากความเหมาะสมกับโอกาส เช่น งานเฉลิมฉลอง ที่ควรเลือกไวน์ระดับพรีเมียมที่มีราคาสูง เพื่อแสดงถึงความสำคัญในการมอบ หรืองานที่เป็นกันเอง หรืองานเฉลิมฉลองเล็กๆ ควรเลือกไวน์ที่ราคาไม่สูงมาก แต่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคา เป็นต้น ทั้งนี้ ในปัจจุบันนั้นมีไวน์ให้เลือกหลากหลายประเภท หลากหลายยี่ห้อ ที่มีราคาย่อมเยา และมีคุณภาพดี ดังนั้น ถ้าหากทำการเลือกซื้อไวน์ได้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้ผู้ซื้อได้ไวน์ที่มีคุณภาพ และไม่ต้องจ่ายเกินความจำเป็นอีกด้วย
7. พิจารณาจากรีวิว หรือคะแนนจากนักวิจารณ์ไวน์
การพิจารณาจากรีวิว หรือคะแนนจากนักวิจารณ์ไวน์ เป็นหนึ่งในวิธีการเลือกซื้อไวน์ที่ช่วยให้ผู้ซื้อไวน์สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้ซื้อที่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือไม่รู้จักไวน์มากนัก เพราะว่านักวิจารณ์ไวน์ที่มีชื่อเสียงมักจะมีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการชิมไวน์ ทำให้พวกเขาสามารถวิเคราะห์ และประเมินรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และคุณภาพของไวน์ได้อย่างละเอียด จึงทำให้คะแนน หรือรีวิวเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการช่วยเลือกไวน์ที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ
โดยการอ้างอิงจากคะแนนของนักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียง เช่น Robert Parker, James Suckling หรือ Wine Spectator ที่ไวน์ที่ได้รับคะแนนสูง มักผ่านการคัดกรองมาแล้วว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพดี จึงทำให้ช่วยให้มั่นใจว่าไวน์ที่เลือกมีมาตรฐาน และยังเพิ่มความมั่นใจในการเลือกซื้อไวน์สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับไวน์ เพราะว่ารีวิว หรือคะแนนสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของไวน์ เช่น รสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และความเข้มข้น ทำให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งตัวอย่างการดูรีวิว หรือคะแนนจากนักวิจารณ์ไวน์ มีดังนี้
-
Robert Parker’s หรือ Wine Advocate เป็นนักวิจารณ์ไวน์ที่ใช้ระบบคะแนน 100 คะแนน ถ้าหากไวน์ที่ได้รับคะแนน 90 ขึ้นไปถือว่าเป็นไวน์ที่ดีถึงยอดเยี่ยม
-
Wine Spectator เป็นนักวิจารณ์ไวน์ที่ใช้ระบบการให้คะแนนไวน์ที่คล้ายกัน แต่ว่าไวน์ที่ได้คะแนน 85-89 คะแนน ถือว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพดี และคะแนน 90-94 คะแนน จะถือว่าเป็นไวน์ที่โดดเด่น และคะแนน 95 ขึ้นไป ก็จะถือว่าเป็นไวน์พรีเมียมที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก
-
Vivino เป็นแอปพลิเคชันรีวิวไวน์ที่มีรีวิวจากผู้บริโภคเสียงจริง ตัวจริง ทำให้การอ่านรีวิวจาก Vivino สามารถช่วยให้เลือกไวน์ที่เหมาะกับรสนิยมของผู้รับได้ง่ายมากขึ้น
ดังนั้น การพิจารณาจากรีวิว หรือคะแนนจากนักวิจารณ์ไวน์ จึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการเลือกซื้อไวน์ไวน์ที่ผิดพลาด และทำให้การตัดสินใจเลือกซื้อไวน์ง่ายขึ้น และมีข้อมูลมากขึ้นด้วย
8. เลือกซื้อจากแหล่งผลิต หรือวินเทจที่มีชื่อเสียง
การเลือกซื้อไวน์จากแหล่งผลิต หรือวินเทจที่มีชื่อเสียงเป็นวิธีที่ผู้ที่ชื่นชอบการดื่มไวน์มักใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อไวน์ เพราะว่าแหล่งผลิต หรือภูมิภาคที่ไวน์ถูกผลิตขึ้นมานั้นมีอิทธิพลต่อรสชาติ รสสัมผัส กลิ่นและคุณภาพของไวน์เป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เช่น ดิน อากาศ และวิธีการเพาะปลูกองุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์ เป็นปัจจัยที่สามารถส่งผลต่อการเจริญเติบโตขององุ่น และรายละเอียดต่างๆ ของไวน์ และในส่วนของวินเทจนั้นจะหมายถึงปีที่องุ่นถูกเก็บเกี่ยว ซึ่งสภาพอากาศในแต่ละปีสามารถส่งผลต่อรสชาติ และคุณภาพของไวน์ในปีนั้นๆ ที่ทำให้ไวน์แต่ละวินเทจมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้น การเลือกซื้อไวน์จากแหล่งผลิต หรือวินเทจที่มีชื่อเสียง ก็จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะไวน์จากพื้นที่ที่มีชื่อเสียงมักมีคุณภาพ และมาตรฐานสูง และการรู้จักวินเทจที่ดีก็จะช่วยให้เลือกไวน์ที่ดีที่สุดในแต่ละปีได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Bordeaux จากฝรั่งเศส, Napa Valley จากสหรัฐอเมริกา, Tuscany จากอิตาลี และ Marlborough จากนิวซีแลนด์ หรือวินเทจปี 2015 ที่ถือเป็นวินเทจที่ดีมากสำหรับไวน์จาก Bordeaux หรือปี 2012 สำหรับไวน์จาก Napa Valley เป็นต้น
9. เลือกซื้อไวน์ที่บรรจุภัณฑ์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สำหรับการเลือกซื้อไวน์จากบรรจุภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เพียงแต่เป็นการเลือกซื้อไวน์ที่ช่วยดึงดูดความสนใจเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจในการเลือกซื้อไวน์ของผู้ให้อีกด้วย เพราะว่าไวน์ที่มีบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นมักสร้างความประทับใจให้กับผู้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสพิเศษ และนอกจากนั้นบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาอย่างสวยงามก็ยังเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพของไวน์ แบรนด์ ความพิเศษ และความหรูหราของไวน์อีกด้วย ซึ่งการเลือกซื้อไวน์ด้วยเทคนิคนี้ก็มีข้อดีหลากหลายอย่าง เช่น การสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น การบ่งบอกถึงความพิถีพิถันในการเลือก หรือสามารถสะท้อนได้ถึงคุณภาพของไวน์ เป็นต้น ดังนั้น การเลือกซื้อไวน์ด้วยเทคนิคนี้จึงควรให้ความสำคัญกับการออกแบบขวด ฉลาก และรายละเอียดต่างๆ และถ้าหากยิ่งเป็นฉลาก หรือแพ็คเกจพิเศษ ก็จะยิ่งทำให้การมอบไวน์นั้นมีความหรูหรา และมีความพิเศษมากยิ่งขึ้น ที่ช่วยสร้างความประทับใจ และทำให้การมอบไวน์เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ
10. ปรึกษา หรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
การปรึกษา หรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เป็นวิธีการเลือกซื้อไวน์ที่ถือว่าง่ายที่สุด เพียงแค่ผู้ซื้อนั้นบอกถึงรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น หรือรายละเอียดต่างๆ ที่ต้องการให้กับผู้เชี่ยวชาญ ทางผู้เชี่ยวชาญก็จะแนะนำประเภทของไวน์ รุ่น ยี่ห้อ วินเทจ และบรรจุภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ และสามารถมอบให้ผู้รับได้อย่างตรงใจมากที่สุด
สำหรับนักดื่มที่กำลังอยากจะซื้อไวน์มอบเป็นของขวัญให้กับคนสำคัญ แต่ว่าเลือกซื้อไม่ถูก ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Cellar BKK แหล่งนำเข้า และแหล่งจำหน่ายเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีบริการแอดมินให้คำแนะนำสินค้า อยากได้ไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน หรืออยากได้เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อยากได้ยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ มีงบประมาณเท่าไหร่ ซื้อดื่มเอง หรือซื้อเป็นของขวัญ ก็สามารถแจ้งแอดมินได้ เพื่อให้แอดมินแนะนำเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์กับความต้องการของนักดื่มมากที่สุด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้เลยที่
-
Website : www.winecellarbkk.com หรือ คลิก ที่นี่
โดยที่ Wine Cellar BKK มีเครื่องดื่มให้นักดื่มได้เลือกสรรกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว แชมเปญ สปาร์คกลิ้งไวน์ คอนญัก วิสกี้ หรือเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีให้เลือกซื้อกันอย่างครบครัน การันตีสินค้าทุกขวดเป็นของแท้ 100% ผ่านการคัดสรรเครื่องดื่มทุกขวดด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน และการันตีว่าจำหน่ายในราคาดีที่สุดในตลาด เพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า และให้นักดื่มเข้าถึงเครื่องดื่มขวดโปรดได้ในราคาย่อมเยา มาพร้อมกับบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้าน ที่มีให้นักดื่มได้เลือกใช้ทั้งบริการจัดส่งสินค้าด่วนภายในกทม. ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ถูกใจสายดื่มที่อยู่ในกทม. และอยากได้เครื่องดื่มแบบรวดเร็วทันใจ และบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 1-2 วัน ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน หรืออยู่มุมไหนของประเทศก็สามารถสั่งซื้อเครื่องดื่มกับ Wine Cellar BKK ได้ แพ็คสินค้าทุกออเดอร์เป็นอย่างดี มีการรับประกันสินค้าระหว่างการจัดส่ง หากสินค้าได้รับความเสียหาย แตก หัก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ที่เกิดจากการจัดส่ง ทางร้านยินดีเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นขวดใหม่ให้ทันที แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น