Free standard shipping on orders over 10,000 THB
Couldn't load pickup availability
- Free standard shipping on orders over 10,000 THB
You may return most new, unopened items within 30 days of delivery for a full refund. We'll also pay the return shipping costs if the return is a result of our error (you received an incorrect or defective item, etc.).
You should expect to receive your refund within four weeks of giving your package to the return shipper, however, in many cases you will receive a refund more quickly. This time period includes the transit time for us to receive your return from the shipper (5 to 10 business days), the time it takes us to process your return once we receive it (3 to 5 business days), and the time it takes your bank to process our refund request (5 to 10 business days).
If you need to return an item, simply login to your account, view the order using the "Complete Orders" link under the My Account menu and click the Return Item(s) button. We'll notify you via e-mail of your refund once we've received and processed the returned item.
สำหรับโลกของไวน์แดงที่เต็มไปด้วยไวน์หลากหลายรุ่นที่ล้วนแต่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวหลากหลายระดับ ทำให้มีเพียงไม่กี่แบรนด์ที่สามารถยืนหยัดผ่านกาลเวลา และยังคงรักษาความโดดเด่นได้อย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในนั้นก็คือ “Beringer Napa Valley” ที่ถือว่าแบรนด์ไวน์ระดับตำนานจากสหรัฐอเมริกาที่ถือกำเนิดขึ้นในใจกลางหุบเขา Napa Valley ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ทั้งในด้านคุณภาพขององุ่น สภาพภูมิอากาศ และเทคนิคการทำไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทำให้ Beringer Napa Valley ไม่ใช่เพียงแค่ไวน์อีกขวดหนึ่งในชั้นวางของร้านพรีเมียม แต่เป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างมรดกดั้งเดิมกับนวัตกรรมที่ทันสมัยได้อย่างลงตัว ด้วยประวัติศาสตร์ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1876 โดยสองพี่น้องจากเยอรมนี ผู้มีวิสัยทัศน์ในการมองเห็นศักยภาพของ Napa Valley ก่อนใคร ส่งผลให้ Beringer ได้กลายเป็นหนึ่งในโรงไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา และยังคงผลิตไวน์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Wine Cellar BKK จะพานักดื่มทุกคนมาทำความรู้จักกับ Beringer Napa Valley ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน ทำไมถึงเป็นไวน์เก่าแก่ที่ยังคงเป็นที่นิยมของนักดื่มในปัจจุบัน พร้อมแนะนำวิธีการดื่มแบบง่ายๆ ที่ช่วยให้นักดื่มสัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็นไวน์ Napa Valley ได้อย่างชัดเจน โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย!
Beringer คือ หนึ่งในแบรนด์ไวน์ที่มีความเก่าแก่ และมีชื่อเสียงที่สุดของแคลิฟอร์เนีย และถือเป็นผู้บุกเบิกวงการไวน์ Napa Valley อย่างแท้จริง ด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 145 ปี ทำให้ Beringer ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ผลิตไวน์เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของคุณภาพ ประเพณี และนวัตกรรมในวงการไวน์สหรัฐอเมริกา
โดย Beringer ก่อตั้งขึ้นในปี 1876 โดยสองพี่น้องชาวเยอรมัน Jacob และ Frederick Beringer ที่พวกเขาเดินทางจากเมืองไมนซ์ ประเทศเยอรมนี มายังแคลิฟอร์เนีย เพื่อแสวงหาโอกาสในโลกใหม่ และก็ได้เลือกตั้งรกรากที่หุบเขา Napa ซึ่งในขณะนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักในวงการไวน์ระดับโลก แต่ด้วยสภาพภูมิอากาศ และดินที่เหมาะสมกับการปลูกองุ่น ทำให้ทั้งคู่เห็นศักยภาพของพื้นที่แห่งนี้ และก่อตั้งโรงไวน์ขึ้นที่เมือง St. Helena
โดยในปัจจุบันแบรนด์ Beringer อยู่ภายใต้กลุ่ม Treasury Wine Estates ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทไวน์ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารแบรนด์ระดับพรีเมียม แต่ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนมือผู้บริหาร Beringer ยังคงรักษาคุณภาพ และแนวทางการผลิตแบบดั้งเดิมไว้ โดยเฉพาะการใช้ผลผลิตจากไร่องุ่นระดับท็อปของ Napa Valley เช่น Howell Mountain, Stags Leap District และ Rutherford เป็นต้น
สำหรับไวน์ล็อตแรกของ Beringer Napa Valley ผลิตขึ้นในปี 1876 เช่นเดียวกับปีที่ก่อตั้ง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไวน์ Napa Valley รุ่นแรกๆ ที่ถูกผลิตอย่างจริงจัง และมีระบบการจัดการที่ชัดเจนในยุคนั้น
นอกจากนั้นแบรนด์ Beringer ก็ยังเป็นแบรนด์แรกที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมไร่องุ่น และโรงไวน์ในช่วงปี 1934 หลังการยกเลิกกฎหมายห้ามแอลกอฮอล์ (Prohibition) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ “Wine Tourism” ในสหรัฐอเมริกา และมีโรงไวน์หิน (Rhine House) ที่มีสไตล์ยุโรปที่สวยงาม สร้างขึ้นในปี 1884 และยังคงเปิดใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในไวน์ที่ได้รางวัล “Wine of the Year” จาก Wine Spectator ในปี 1990 ด้วย
ซึ่งหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของแบรนด์ คือ การเข้ามาของ Ed Sbragia ในฐานะ Winemaker ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เขาเป็นผู้ที่ผลักดันให้ไวน์ของ Beringer ก้าวเข้าสู่กลุ่ม "Ultra Premium" และได้รับรางวัลระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไวน์ประเภท Cabernet Sauvignon และ Chardonnay ซึ่งกลายเป็นไอคอนของแบรนด์จนถึงทุกวันนี้
สำหรับ Beringer Napa Valley เป็นหนึ่งในไวน์คุณภาพสูงที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยเฉพาะในฐานะผู้ผลิตไวน์จาก Napa Valley ซึ่งเป็นแหล่งปลูกองุ่นชั้นนำของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้การผลิตไวน์ของ Beringer มีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกองุ่นจนถึงการบรรจุขวด ซึ่งในแต่ละขั้นตอนนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
การคัดเลือกองุ่น Beringer ให้ความสำคัญอย่างมากกับแหล่งปลูกองุ่น โดยไร่องุ่นที่เลือกใช้ล้วนตั้งอยู่ใน Napa Valley และแต่ละแปลงจะมีลักษณะภูมิอากาศ ดิน และความสูงที่ต่างกัน เพื่อให้ได้องุ่นที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งทีมผู้เชี่ยวชาญก็จะทำการเลือกองุ่นจากแหล่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับไวน์แต่ละรุ่น
การเก็บเกี่ยว สำหรับการเก็บเกี่ยวองุ่นนั้นจะถูกเก็บในเวลาที่เหมาะสมที่สุด โดยอาศัยการทดสอบระดับน้ำตาล ความเป็นกรด และรสชาติจากผู้เชี่ยวชาญ และการเก็บเกี่ยวจะทำด้วยมือเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผลองุ่นเสียหาย ซึ่งช่วยรักษาคุณภาพของผลองุ่นได้ดียิ่งขึ้น
การคัดแยก และบดองุ่น หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว องุ่นจะถูกนำมาคัดแยกอีกครั้ง เพื่อกำจัดผลที่มีตำหนิ แล้วจึงเข้าสู่เครื่องบดเบาๆ เพื่อให้เปลือกแตกออก โดยจะระมัดระวังไม่ให้เมล็ดองุ่นแตก เพราะอาจทำให้ไวน์มีรสขมได้
การหมัก สำหรับองุ่นจะถูกหมักในถังสแตนเลส หรือถังไม้โอ๊ค และจะมีการควบคุมอุณหภูมิอย่างเข้มงวด และในขั้นตอนนี้ยีสต์จะเปลี่ยนน้ำตาลในองุ่นเป็นแอลกอฮอล์ พร้อมกับสร้างกลิ่นหอม และโครงสร้างที่ซับซ้อนของไวน์
การบ่ม สำหรับการบ่ม Beringer Napa Valley นั้นจะใช้ถังไม้โอ๊คฝรั่งเศส และอเมริกันในการบ่มไวน์เป็นระยะเวลานานประมาณ 12–24 เดือน และการบ่มนั้นจะช่วยให้ไวน์มีรสชาตินุ่มนวลขึ้น และพัฒนาโน๊ตกลิ่นต่างๆ เช่น วานิลลา คาราเมล และโอ๊ค เป็นต้น
การผสมไวน์ หลังจากการบ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไวน์เมกเกอร์จะทำการชิมไวน์จากถังต่างๆ แล้วนำมาผสมผสานเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ไวน์ที่มีสมดุลทั้งในเรื่องรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัส และถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์ และศิลป์
การบรรจุขวด และพักไวน์ เมื่อได้สูตรที่ลงตัวแล้ว ไวน์จะถูกกรองอย่างพิถีพิถัน แล้วทำการบรรจุขวด และพักไว้ในห้องควบคุมอุณหภูมิอีกระยะหนึ่งก่อนส่งออกสู่ตลาด เพื่อให้รสชาติกลมกล่อมมากขึ้น และพร้อมสำหรับการบริโภค
สำหรับ Beringer Napa Valley ถือเป็นตัวแทนของไวน์ Napa Valley อย่างแท้จริง ด้วยความลุ่มลึกที่เกิดจากภูมิประเทศที่เหมาะสมในการปลูกองุ่น และความพิถีพิถันในกระบวนการผลิต ทำให้รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของไวน์รุ่นนี้มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ส่งผลให้เวลาดื่มนั้นนักดื่มจะสัมผัสได้ถึงรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
รสชาติ (Flavor) สำหรับรสชาติของ Beringer Napa Valley นั้นจะมีความหอมหวานของผลไม้สีเข้มอย่างชัดเจน เช่น ลูกพรุน แบล็กเบอร์รี และเแบล็คเชอร์รีผสมผสานเข้ากันกับความโอ๊คกี้ เช่น ดาร์คช็อกโกแลต กาแฟ และวานิลลา ที่เกิดจากการบ่มในถังไม้โอ๊ค และปิดท้ายด้วยความหอมจากเครื่องเทศนานาชนิด
รสสัมผัส (Mouthfeel) สำหรับรสสัมผัสของ Beringer Napa Valley เป็นแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity หรือความเป็นกรดสูง ทำให้เนื้อสัมผัสมีความแน่น แต่เนียน นุ่ม ละมุน มีแทนนินชัดเจนกำบลังดี รู้สึกถึงน้ำหนักที่เต็มในปาก มีความเข้มข้น แต่ยังคงนุ่มละมุน ดื่มง่าย ดื่มได้ในทุกโอกาส
กลิ่น (Aroma) สำหรับกลิ่นของ Beringer Napa Valley นั้นจะมีความหอมของผลไม้สีเข้มชัดเจน เช่น เช่น แบล็กเคอแรนท์ ลูกเกด และลูกพลัม ตามด้วยความหอมแบบโอ๊คกี้ เช่น วานิลลา ควันไม้โอ๊ค เครื่องเทศจางๆ และกลิ่นหนังเก่า และปิดท้ายด้วยความหอมละมุนของดอกไม้ ที่ผสมผสานเข้ากันกับกลิ่นสมุนไพร และเครื่องเทศต่างๆ ได้อย่างลงตัว
ด้วยองค์ประกอบของรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของ Beringer Napa Valley ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และสะท้อนถึงกลิ่นอายของไวน์แดงจาก Napa Valley ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ Beringer Napa Valley เป็นอีกหนึ่งไวน์แดงโลกใหม่ที่เป็นที่นิยมของนักดื่มไวน์แดงทั่วโลก ดังนั้น ถ้าหากนักดื่มคนไหนอยากจะสัมผัสถึงความพรีเมียม และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Beringer Napa Valley ในราคาสบายกระเป๋า ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Celler BKK ที่มี Beringer Napa Valley พร้อมส่งทันที ไม่ต้องรอพรีออเดอร์ ของแท้ 100% ราคาดีที่สุด จัดส่งไวให้ถึงหน้าบ้าน สั่งซื้อได้ที่ Line Official : @winecellar24 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับไวน์แดงระดับพรีเมียมอย่าง Beringer Napa Valley นั้นควรให้ความใส่ใจในขั้นตอนการเสิร์ฟ ดื่ม จับคู่กับอาหาร และเก็บรักษาไวน์อย่างเหมาะสม เพราะล้วนแต่เป็นปัจจัยที่มีผลต่อประสบการณ์ในการดื่มของนักดื่ม ซึ่งในแต่ละวิธีที่ช่วยให้นักดื่มสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของ Napa Valley ได้อย่างชัดเจน มีดังนี้
วิธีการเสิร์ฟ ควรทำการเสิร์ฟ Beringer Napa Valley ในอุณหภูมิประมาณ 16-18 องศาเซลเซียส เพื่อให้กลิ่น และรสชาติเปิดออกอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับทำการถ่ายไวน์ลงดีแคนเตอร์ เพื่อช่วยให้ไวน์สัมผัสอากาศ และช่วยเปิดกลิ่นรสที่ซับซ้อนออกมา และควรทำการดีแคนต์ประมาณ 30–60 นาที ก่อนเสิร์ฟ รวมถึงเลือกใช้แก้วไวน์ที่มีขนาดกว้าง แต่ปากแคบ เพื่อช่วยให้ไวน์สัมผัสกับอากาศได้ทั่วถึง แต่ยังคงกระจายกลิ่นหอมออกมาได้ดี
วิธีการดื่ม ควรทำการดื่ม Beringer Napa Valley ที่เริ่มจากการหมุนแก้วไวน์เบาๆ เพื่อให้ไวน์สัมผัสกับอากาศ และช่วยให้กลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมาได้อย่างเต็มที่ หลังจากนั้นให้ทำการจิบไวน์ทีละเล็กน้อย และกลั้วทั่วปากเบาๆ แล้วจึงค่อยๆ กลืน เพื่อสัมผัสได้ถึงรายละเอียดต่างๆ ที่ค่อยเปลี่ยนแปลง และจะทิ้งท้ายไว้ภายในปากอย่างยาวนาน
วิธีการจับคู่อาหาร ควรทำการจับคู่ Beringer Napa Valley กับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อแดง เช่น สเต็กวากิว สเต็กริบอาย สเต็กพอร์คชอป ซี่โครงหมูอบซอสไวน์แดง หรือสตูว์เนื้อ เป็นต้น หรือจะเลือกรับประทานเป็นเมนูอาหารฝรั่งเศส และอิตาเลียน เช่น เนื้ออบ พาสต้าโบโลเนส ริซอตโต้ซอสเห็ด ฟัวกราส์ หรือกงฟีเป็ด เป็นต้น รวมถึงเมนูอาหารต่างๆ ที่มีส่วนประกอบของชีส เช่น พาร์เมซานชีส เชดดาร์ชีส หรือบลูชีส เป็นต้น
วิธีการเก็บรักษา ควรทำการเก็บรักษา Beringer Napa Valley ไว้ในที่มืด และมีอุณหภูมิคงที่ประมาณ 12-15 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง ความร้อน และการสั่นสะเทือน พร้อมกับวางขวดไว้ในแนวนอน เพื่อให้จุกคอร์กชุ่มชื้น ไม่แห้ง และป้องกันการรั่วซึมของอากาศ และถ้าหากเปิดขวดแล้ว ควรปิดให้สนิทด้วยจุกสุญญากาศ และแช่ในตู้เย็น พร้อมดื่มให้หมดภายใน 2–3 วัน เพื่อคงคุณภาพที่ดีไว้ให้มากที่สุด
ดังนั้น นักดื่มคนไหนที่กำลังจะลิ้มลอง Beringer Napa Valley และอยากจะสัมผัสความพรีเมียมของไวน์โลกใหม่ได้อย่างเต็มที่ ก็ต้องห้ามพลาดที่จะลิ้มลองด้วยวิธีที่นำมาฝากในหัวข้อนี้ และถ้าหากนักดื่มคนไหนกำลังมองหาแหล่งจำหน่าย หรือกำลังหาซื้อ Beringer Napa Valley ราคาสบายกระเป๋า มีสินค้าพร้อมส่งทันที ไม่ต้องรอพรีออเดอร์ ของแท้ 100% ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Cellar BKK แหล่งจำหน่ายไวน์นำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีพร้อมบริการจัดส่งให้ถึงหน้าบ้าน สามารถสั่งซื้อได้เลยที่ Line Official : @winecellar24 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับนักดื่มที่กำลังอยากจะซื้อ Beringer Napa Valley ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Cellar BKK แหล่งนำเข้า และแหล่งจำหน่ายเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีบริการแอดมินให้คำแนะนำสินค้าอย่างมืออาชีพ อยากได้ไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน หรืออยากได้เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อยากได้ยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ มีงบประมาณเท่าไหร่ ซื้อดื่มเอง หรือซื้อเป็นของขวัญ ก็สามารถแจ้งแอดมินได้ เพื่อให้แอดมินแนะนำเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์กับความต้องการของนักดื่มมากที่สุด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้เลยที่
Line Official : @wincellar24
Website : www.winecellarbkk.com หรือ คลิก ที่นี่
โดยที่ Wine Cellar BKK มีเครื่องดื่มให้นักดื่มได้เลือกสรรกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว แชมเปญ สปาร์คกลิ้งไวน์ คอนญัก วิสกี้ หรือเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีให้เลือกซื้อกันอย่างครบครัน การันตีสินค้าทุกขวดเป็นของแท้ 100% ผ่านการคัดสรรเครื่องดื่มทุกขวดด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน และการันตีว่าจำหน่ายในราคาดีที่สุดในตลาด เพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า และให้นักดื่มเข้าถึงเครื่องดื่มขวดโปรดได้ในราคาย่อมเยา มาพร้อมกับบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้าน ที่มีให้นักดื่มได้เลือกใช้ทั้งบริการจัดส่งสินค้าด่วนภายในกทม. ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 1-2 วัน สามารถสั่งซื้อเครื่องดื่มกับ Wine Cellar BKK ได้ง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา แพ็คสินค้าทุกออเดอร์เป็นอย่างดี มีการรับประกันสินค้าระหว่างการจัดส่ง หากสินค้าได้รับความเสียหาย แตก หัก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ที่เกิดจากการจัดส่ง ทางร้านยินดีเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นขวดใหม่ให้ทันที แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อสร้างความประทับใจในการเลือกซื้อไวน์กับเราตลอดการบริการ
Thanks for subscribing!
This email has been registered!