Skip to content

Free standard shipping on orders over 10,000 THB

Blog

“แก้วไวน์” ไอเทมในการดื่มไวน์ที่นักดื่มควรเลือกให้เป็น

by Pongsakorn Tiyapornchai 25 Mar 2025

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

 

แก้วไวน์” ไอเทมในการดื่มไวน์ที่นักดื่มควรเลือกให้เป็น

แก้วไวน์
สำหรับการดื่มไวน์นั้นเป็นประสบการณ์ที่สร้างความประทับใจผ่านรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และบรรยากาศในการดื่ม และหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ให้ดีที่สุด คือ การเลือกใช้ “แก้วไวน์” ที่เหมาะสมต่อประเภทไวน์ที่ดื่ม เพราะว่านักดื่มไวน์ที่มีความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์ในการดื่มจะรู้ดีว่าแก้วที่ใช้มีผลต่อรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของไวน์อย่างไร และการเลือกแก้วไวน์ที่ถูกต้องก็จะช่วยให้ไวน์ที่ดื่มมีคุณภาพสูงสุด ทั้งในเรื่องของการเผยกลิ่นที่ซับซ้อน และการปรับสมดุลของรสชาติ ดังนั้น นักดื่มไวน์ทุกคนจึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกแก้วไวน์ที่เหมาะสมกับชนิดของไวน์ เพื่อสร้างความประทับใจในการดื่มทุกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ โดยในบทความนี้ทาง Wine Cellar BKK ก็จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ “แก้วไวน์” กันมากขึ้นว่าคืออะไร ทำไมถึงควรเลือกใช้ในการดื่มไวน์ทุกครั้ง มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีอะไรบ้าง พร้อมแชร์เทคนิคในการเลือกแก้วไวน์แบบง่ายๆ รวมถึงวิธีการจับแก้วไวน์ และวิธีการดูแลรักษาแก้วไวน์ที่ถูกต้อง ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้นสามารถติดตามกันได้เลย!

1. แก้วไวน์ คืออะไร? ทำไมถึงควรเลือกใช้แก้วไวน์ในการดื่มไวน์ทุกครั้ง

แก้วไวน์

แก้วไวน์ คือ ภาชนะที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการดื่มไวน์โดยเฉพาะ และลักษณะของแก้วไวน์ที่สำคัญ คือ การมีขอบแก้วกว้าง และฐานแคบ ที่จะช่วยให้ไวน์สามารถหมุนเวียน สัมผัสกับอากาศ และเปิดเผยรสชาติ และกลิ่นได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ขนาด และรูปทรงของแก้วยังถูกออกแบบให้เหมาะสมกับไวน์ประเภทต่างๆ เช่น ไวน์แดง ไวน์ขาว หรือสปาร์คกลิ้งไวน์ เพื่อให้สามารถรักษาอุณหภูมิ รสชาติ และกลิ่นที่สมดุลที่สุดในขณะดื่มได้เป็นอย่างดี

ดังนั้น การเลือกใช้แก้วไวน์ในการดื่มไวน์ทุกครั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักดื่มควรให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะแก้วไวน์ไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่เป็นภาชนะสำหรับการดื่มเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการลิ้มรสไวน์ให้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะว่าแก้วไวน์ที่ดีจะช่วยให้นักดื่มได้รับกลิ่นที่ละเอียดอ่อน และสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของไวน์ได้อย่างเต็มที่ และการดื่มไวน์ด้วยแก้วที่ถูกออกแบบมาสำหรับไวน์ประเภทนั้นๆ ก็จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การดื่มให้นักดื่มได้อย่างประทับใจแบบไม่รู้ลืม


2. แก้วไวน์มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีอะไรบ้าง?

สำหรับประเภทของแก้วไวน์นั้นสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ได้ทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ แก้วไวน์แดง แก้วไวน์ขาว แก้วไวน์โรเซ่ แก้วไวน์หวาน และแก้วสปาร์คกลิ้งไวน์ โดยแก้วไวน์แต่ละประเภทนั้นก็จะมีลักษณะ และรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

2.1แก้วไวน์แดง

แก้วไวน์แดง เป็นแก้วที่มีลักษณะเฉพาะที่ช่วยเสริมรสชาติ และกลิ่นของไวน์แดงให้แสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ ด้วยลักษณะขอบแก้วที่กว้าง ช่วยให้กลิ่น และรสชาติที่เข้มข้นของไวน์สามารถกระจายตัวได้ดี และมีตัวแก้วที่ใหญ่ และกว้าง ช่วยให้ไวน์สัมผัสกับอากาศได้มากขึ้น ทำให้ไวน์มีเวลาในการหายใจ ซึ่งจะช่วยให้แทนนินในไวน์มีความนุ่มนวล และมีรสชาติที่สมดุลขึ้น รวมถึงมีฐานแก้ว และก้านแก้วยาว ที่ช่วยป้องกันความร้อนจากมือถ่ายทอดสู่อุณหภูมิของไวน์ได้ และส่วนใหญ่ประเภทของแก้วไวน์แดงนั้นก็จะมีให้เลือกใช้ตามประเภทของสายพันธุ์องุ่นต่างๆ ดังนี้

  • Cabernet Sauvignon และ Merlot เป็นแก้วทรงสูง ฐานกว้าง ตัวแก้วใหญ่ และมีปากแคบ ช่วยกระจายกลิ่น และรสชาติที่เข้มข้นได้ดี และทำให้โครงสร้างของไวน์ที่มีแทนนินสูงจะถูกกระตุ้นให้แสดงออกมาได้เต็มที่

  • Bordeaux เป็นแก้วทรงสูง ฐานกว้าง ตัวแก้วใหญ่ และปากแคบคล้ายกับแก้ว Cabernet Sauvignon และ Merlot เพื่อรักษารสชาติ และกลิ่นที่ซับซ้อนของไวน์ Bordeaux และทำให้ไวน์สามารถเข้าทั่วถึงภายในปากได้มากกว่า และส่วนใหญ่จะเน้นใช้กับไวน์แดงที่มีรสชาติเข้มข้น

  • Shiraz หรือ Syrah เป็นแก้วที่จะมีความสูง ตัวแก้วเพรียว และมีปากแก้วแคบ เพื่อดึงกลิ่นหอมเข้มข้นของผลไม้ และเครื่องเทศให้กระจายออกมาอย่างเต็มที่

  • Pinot Noir เป็นแก้วทรงกลม อวบ สั้น ก้านแก้วเล็ก และเพรียว แต่จะมีความกว้างกว่าชนิดอื่นๆ เพื่อช่วยดึงกลิ่นหอมของ Pinot Noir ให้แสดงออกมาอย่างเต็มที่

2.2 แก้วไวน์ขาว

แก้วไวน์ขาว เป็นแก้วที่มีลักษณะตัวแก้วที่เล็ก และแคบกว่าของไวน์แดง เพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิความเย็นของไวน์ให้คงอยู่ได้นาน โดยจะมีขอบแก้วที่แคบกว่า เพื่อเน้นให้กลิ่นหอมของไวน์ขาวที่มีความสดชื่น และเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นออกมา และมีก้านแก้วที่ยาวที่ช่วยให้การจับแก้วไม่ทำให้อุณหภูมิของไวน์เเปลี่ยนแปลง และสามารถรักษาความสดใหม่ และสดชื่นของไวน์ขาวได้ดี ซึ่งประเภทของแก้วไวน์ขาวก็จะมีให้เลือกใช้ตามประเภทของสายพันธุ์องุ่นต่างๆ ดังนี้

  • Chardonnay เป็นแก้วที่มีลักษณะตัวแก้วคล้ายกับแก้วไวน์แดง Pinot Noir แต่ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า และมีความเรียวมากกว่า เพื่อช่วยรักษากลิ่นสดชื่น และรสเปรี้ยวตามธรรมชาติของไวน์ Chardonnay ได้เป็นอย่างดี

  • Sauvignon Blanc เป็นแก้วที่มีลักษณะตัวแก้วกว้างกว่าไวน์ขาวชนิดอื่นๆ ปากแก้วค่อนข้างแคบ มีก้านแก้วเพรียว และยาว ช่วยให้กลิ่น และรสชาติถูกดึงออกมาอย่างเต็มที่

  • Riesling เป็นแก้วที่มีลักษณะแคบ และมีความเรียวยาวมากที่สุดในแก้วไวน์ขาว เพื่อเน้นความละเอียดของกลิ่นหอมหวาน และความเป็นกรดที่สดใสของไวน์ ช่วยดึงความหอมหวานของผลไม้ออกมาได้อย่างชัดเจน และช่วยรักษาอุณหภูมิของไวน์ไว้

2.3 แก้วไวน์โรเซ่

แก้วไวน์โรเซ่ เป็นแก้วที่มีรูปทรงแบบกึ่งกลางระหว่างแก้วไวน์ขาว และแก้วไวน์แดง โดยลักษณะของตัวแก้วจะมีขนาดกลางไม่กว้างเกินไป และมีความเรียวเล็กน้อย เพื่อรักษาความเย็น และเปิดกลิ่นหอมที่สดชื่น และความหอมหวานของผลไม้ มีขอบแก้วที่โค้งเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ไวน์สัมผัสกับลิ้นได้เป็นอย่างดี และช่วยเน้นรสชาติผลไม้ และความหวานได้อย่างลงตัว รวมถึงมีก้านแก้วที่ยาวที่สามารถช่วยรักษาอุณหภูมิไวน์ไม่ให้เปลี่ยนแปลงไวเกินไป ทำให้ไวน์โรเซ่ยังสามารถคงความสดชื่น และเบาสบายตลอดเวลาที่ดื่มได้เป็นอย่างดี แต่ในกรณีที่ไม่สามารถหาแก้วไวน์โรเซ่ได้ ก็สามารถเลือกใช้เป็นแก้วไวน์ขาวแทนได้เช่นกัน

2.4 แก้วไวน์หวาน

แก้วไวน์หวาน เป็นแก้วที่มักจะมีลักษณะตัวแก้วที่เล็ก และแคบกว่าแก้วไวน์ทั่วไป ด้วยความที่ไวน์หวานนั้นจะมีรสชาติที่เข้มข้น และซับซ้อน ทำให้การใช้แก้วไวน์ที่มีขนาดเล็กกว่าจะสามารถช่วยให้ควบคุมปริมาณไวน์ในแต่ละคำได้ดีขึ้น มาพร้อมกับขอบแก้วที่แคบ ช่วยให้ได้กลิ่นหอมหวาน และผลไม้โดดเด่นออกมา และมีก้านแก้วที่ยาว เพื่อช่วยป้องกันความร้อนจากมือที่อาจทำให้รสชาติ และกลิ่นเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งประเภทของแก้วไวน์หวานนั้นก็จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทย่อย ดังนี้

  • Dessert Wine เป็นแก้วไวน์ที่มีขนาดเล็ก และแคบ ทำให้สามารถเขย่าไวน์ได้ง่าย ไม่หกเลอะเทอะ ช่วยให้อากาศสัมผัสกับไวน์ได้กำลังดี ที่จะช่วยดึงรสชาติ และกลิ่นของไวน์ให้มีความหอมหวาน และความเปรี้ยวกำลังพอดี

  • Vintage Port เป็นแก้วไวน์ที่มีลักษณะตัวแก้วที่ค่อนข้างกว้าง เพื่อให้กลิ่นของไวน์โดดเด่นออกมา มีก้านแก้วค่อนข้างสั้น ทำให้หยิบจับดื่มง่าย และสามารถช่วยดึงความหอมของโอ๊ก ผลไม้ และเครื่องเทศออกมาได้อย่างชัดเจน

2.5 แก้วสปาร์คกลิ้งไวน์

แก้วสปาร์คกลิ้งไวน์ เป็นแก้วที่มีลักษณะแก้วสูง และเรียว แต่จะมีตัวแก้วแคบ เพื่อช่วยรักษาการกระจายตัวของฟองที่เป็นเอกลักษณ์ของไวน์ประเภทนี้ได้ดี มีขอบแก้วที่แคบ และยาว เพื่อช่วยให้ฟองเนียนละเอียดยังคงอยู่ได้นานมากขึ้น และมีก้านแก้วยาว เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนจากมือส่งผลต่ออุณหภูมิของไวน์ ซึ่งจะช่วยคงความหอม และความสดชื่นของสปาร์คกลิ้งไวน์ได้อย่างเต็มที่ และส่วนใหญ่ก็จะนิยมใช้เป็นแก้วทรงฟลูต (Flute) เป็นแก้วที่มีลักษณะทรงเรียวยาว และตรง ช่วยรักษาฟอง และกลิ่นที่สดชื่นของสปาร์คกลิ้งไวน์ได้เป็นอย่างดี และช่วยดึงกลิ่นหอมของผลไม้ออกมาได้อย่างชัดเจน และยังสามารถช่วยกันความร้อน และรักษาความเย็นของไวน์ได้ตลอดการดื่ม

3. การเลือกใช้ประเภทของแก้วไวน์มีผลต่อการดื่มไวน์มากแค่ไหน?

แก้วไวน์

การเลือกใช้ประเภทของแก้วไวน์นั้นมีผลต่อประสบการณ์การดื่มไวน์เป็นอย่างมาก เพราะว่าแก้วไวน์เป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งผลต่อการรับรู้รสชาติ กลิ่น และรสสัมผัสที่เกิดขึ้นระหว่างดื่ม ดังนั้น ในการใช้แก้วไวน์ในการดื่มไวน์แต่ละประเภทควรเลือกใช้ให้ถูกต้อง เพราะสามารถส่งผลถึงรายละเอียดต่างๆ ได้ ดังต่อไปนี้

  • การกระจายกลิ่นของไวน์ เพราะว่าขนาด และรูปทรงของตัวแก้วไวน์นั้นจะมีผลโดยตรงต่อการกระจายกลิ่นของไวน์ โดยแก้วที่มีปากแคบ จะสามารถกักเก็บกลิ่นให้คงอยู่ในพื้นที่ของแก้วไวน์ได้ดี ทำให้กลิ่นไม่กระจายตัวมากเกินไป และในขณะที่แก้วที่มีปากกว้างจะทำให้กลิ่นของไวน์สามารถแพร่กระจายออกมาได้มากกว่า

  • การสัมผัสของไวน์กับอากาศ เพราะว่าแก้วไวน์ที่มีทรงกว้างจะช่วยให้ไวน์สัมผัสกับอากาศได้มากขึ้น ส่งผลให้รสชาติ และกลิ่นของไวน์มีการเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ไวน์แดงที่มีแทนนินสูงจะมีความนุ่มนวลขึ้นเมื่อสัมผัสกับอากาศ มีความหอมมากขึ้น หรือมีกลิ่นที่ชัดเจนมากขึ้น เป็นต้น

  • การเน้นรสชาติที่ซับซ้อน เพราะว่าแก้วทรงสูง หรือทรงโค้ง สามารถช่วยควบคุมการไหลของไวน์ในขณะที่เข้าปากได้ ทำให้ผู้ดื่มรับรสไวน์ในลำดับที่เหมาะสมตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นการเน้นให้นักดื่มได้สัมผัสรสชาติที่ซับซ้อนได้มากขึ้น เช่น การเริ่มจากรสหวานก่อน และจะตามมาด้วยรสฝาด หรือเปรี้ยว เป็นต้น

  • การรักษาอุณหภูมิของไวน์ เพราะว่าก้านแก้วนั้นจะช่วยให้สามารถจับแก้วได้อย่างถนัดมือ โดยที่ไม่ต้องสัมผัสตัวแก้วโดยตรง ซึ่งจะช่วยรักษาอุณหภูมิของไวน์ให้คงที่ ที่เป็นส่วนสำคัญที่สามารถส่งผลต่อรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นได้ โดยเฉพาะไวน์ขาว และสปาร์คกลิ้งไวน์ที่ควรดื่มในขณะที่มีอุณหภูมิเย็น

  • เพิ่มอรรถรสในการดื่ม เพราะว่าแก้วไวน์ที่ออกแบบมาอย่างสวยงามนั้นไม่เพียงแต่ช่วยสร้างประสบการณ์การดื่มที่ดีเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความรู้สึกหรูหรา และอรรถรสในการดื่มไวน์ให้ดีมากขึ้นอีกด้วย

  • ส่งเสริมรสสัมผัสให้ดีขึ้น เพราะว่าแก้วไวน์นั้นจะมีลักษณะขอบแก้วที่บาง ทำให้ไวน์สามารถไหลเข้าสู่ปากได้อย่างราบรื่น เนียนนุ่ม และส่งผลให้การดื่มมีความละมุน และเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

4. วิธีการเลือกซื้อแก้วไวน์ที่นักดื่มไวน์ควรรู้

แก้วไวน์

สำหรับนักดื่มคนไหนที่ชื่นชอบการดื่มไวน์ และอยากจะลองดื่มไวน์กับแก้วไวน์ที่เหมาะสมกับประเภทของไวน์ที่ตัวเองดื่ม เพื่อเปิดประสบการณ์ในการดื่ม และสัมผัสกับอรรถรสในการดื่มไวน์ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ในหัวข้อนี้จึงจะมาแชร์วิธีการเลือกซื้อแก้วไวน์แบบง่ายๆ ที่นักดื่มควรรู้ไว้ ดังนี้

  • เลือกแก้วตามประเภทของไวน์ เป็นวิธีการเลือกแก้วไวน์ที่จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับประเภทของไวน์ เช่น ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์คกลิ้งไวน์ ไวน์หวาน หรือไวน์โรเซ่ เพราะว่าประเภทของแก้วไวน์แต่ละแบบนั้นจะมีรูปทรง และรายละเอียดต่างๆ ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะช่วยให้นักดื่มได้สัมผัสกับรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่ดีที่สุดจากไวน์แต่ละประเภท

  • ขนาดของแก้ว เป็นวิธีการเลือกแก้วไวน์ที่ควรเลือกแก้วที่มีขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้ไวน์มีพื้นที่สัมผัสกับอากาศมากขึ้น ซึ่งวิธีการเลือกนี้จะเหมาะกับไวน์แดงที่ต้องการเวลาในการหายใจ แต่สำหรับการดื่มไวน์ขาวนั้นควรใช้แก้วที่มีขนาดเล็ก เพื่อรักษาความเย็น และความสดชื่นไว้

  • ความหนาของขอบแก้ว เป็นวิธีการเลือกแก้วไวน์ที่ควรเลือกแก้วที่มีขอบบาง เพราะจะทำให้การดื่มไวน์มีความเนียน นุ่ม และละมุนมากขึ้น เพราะว่าขอบแก้วไวน์ที่มีความบางนั้นจะไม่ขัดขวางการไหลของไวน์

  • ความยาวของก้านแก้ว เป็นวิธีการเลือกแก้วไวน์ควรเลือกแก้วที่มีก้านที่มีความยาวพอเหมาะ เพื่อช่วยให้นักดื่มสามารถจับแก้วอยา่งถนัดมือ และไม่ต้องสัมผัสกับตัวแก้วโดยตรง ซึ่งจะช่วยรักษาอุณหภูมิของไวน์ให้คงที่ และทำให้สัมผัสถึงรายละเอียดต่างๆ ของไวน์ได้ดีมากขึ้น

  • ความโปร่งใสของแก้ว เป็นวิธีการเลือกแก้วไวน์ที่ควรเลือกแก้วที่มีความโปร่ง และใส เพื่อช่วยให้นักดื่มสามารถดูสีของไวน์ได้อย่างชัดเจน เพราะว่าการดูสีของไวน์นั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการประเมินคุณภาพของไวน์ก่อนดื่ม

  • ความสมดุล และน้ำหนักของแก้ว เป็นวิธีการเลือกแก้วไวน์ที่ควรแก้วที่มีความสมดุล และมีน้ำหนักที่พอดี เพราะจะทำให้นักดื่มสามารถจับถือได้สะดวก หยิบมาดื่มได้ง่าย ไม่ต้องระมัดระวังมาก และไม่เสี่ยงต่อการล้มคว่ำ

  • วัสดุที่ใช้ผลิตแก้ว เป็นวิธีการเลือกแก้วไวน์ที่ควรเลือกแก้วที่ผลิตจากคริสตัล หรือแก้วคุณภาพสูง เนื่องจากวัสดุเหล่านี้มีความแข็งแรง มีความทนทาน และมีความโปร่งใสเหมาะกับการดื่มไวน์เป็นอย่างมาก

5. วิธีการจับแก้วไวน์ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดื่มไวน์ดีขึ้น

แก้วไวน์

นอกจากการเลือกใช้แก้วไวน์ที่ความเหมาะสมกับประเภทของไวน์ที่นักดื่มดื่มแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันกับการเลือกแก้วไวน์ คือ การจับแก้วไวน์ เพราะว่าการจับแก้วไวน์ให้ถูกวิธีไม่เพียงแต่ช่วยรักษาคุณภาพของไวน์เท่านั้น แต่ยังเพิ่มอรรถรสในการดื่มไวน์ให้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยวิธีการจับแก้วไวน์ที่ถูกต้องที่นักดื่มสามารทำตามได้ง่ายๆ มีดังนี้

  • จับที่ก้านแก้ว เป็นวิธีการจับแก้วไวน์ที่จะต้องทำการจับที่ก้านแก้ว เพื่อช่วยป้องกันความร้อนจากมือที่มีผลต่อการรักษาอุณหภูมิ ที่อาจทำให้รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของไวน์เปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะสำหรับไวน์ขาว และสปาร์คกลิ้งไวน์ที่ต้องดื่มในอุณหภูมิที่เย็น

  • จับที่ฐานแก้วในกรณีที่ก้านสั้น เป็นวิธีการจับแก้วไวน์ที่เหมาะกับการจับแก้วที่มีขนาดก้านแก้วสั้น เพราะว่าการจับที่ฐานนั้นจะช่วยให้นักดื่มสามารถจับแก้วได้โดยไม่สัมผัสกับตัวแก้ว ที่อาจส่งผลต่ออุณหภูมิของไวน์นั่นเอง

  • ไม่จับที่ตัวแก้วโดยตรง เพราะว่าการจับตัวแก้วไวน์โดยตรงจะทำให้อุณหภูมิของไวน์เกิดการเปลี่ยนแปลง และอาจทำให้ไวน์มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่เพี้ยนไปจากเดิม

  • ใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลางในการจับ เป็นวิธีการจับแก้วไวน์ที่จะต้องใช้เพียงสามนิ้วในการจับก้านแก้ว ได้แก่ นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ที่จะช่วยให้นักดื่มสามารถควบคุมการจับแก้วได้ดี และยังดูมีความเป็นนักดื่มไวน์มืออาชีพอีกด้วย

  • หมุนแก้วเบาๆ เพื่อปล่อยกลิ่น เพราะว่าการหมุนแก้วไวน์เบาๆ เล็กน้อย เป็นวิธีที่จะช่วยให้ไวน์สัมผัสกับอากาศได้มากขึ้น และทำให้ไวน์นั้นสามารถเผยกลิ่นหอมออกมาได้อย่างเต็มที่

6. วิธีการดูแลรักษาแก้วไวน์ให้ดูสะอาด ใส และเหมือนใหม่

การดูแลรักษาแก้วไวน์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่นักดื่มควรเรียนรู้ไว้ เพราะว่าแก้วไวน์เป็นไอเทมสำคัญที่จะช่วยให้นักดื่มสามารถสัมผัสถึงรายละเอียดต่างๆ ของไวน์ได้อย่างดีเยี่ยมมากยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงควรดูแลรักษาแก้วไวน์ให้ดูสะอาด ใส เหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา และสามารถใช้งานได้ในระยะยาว ซึ่งวิธีการดูแลรักษาแก้วไวน์นั้นก็มีวิธีง่ายๆ ดังนี้

  • ล้างด้วยน้ำอุ่น เป็นวิธีการดูแลรักษาแก้วไวน์ที่จะต้องทำการล้างแก้วไวน์ด้วยน้ำอุ่น เพราะว่าน้ำอุ่นนั้นสามารถช่วยขจัดคราบไวน์ได้ดีกว่าน้ำเย็น และสามารถช่วยป้องกันการตกค้างของกลิ่น หรือรสชาติจากไวน์เก่าได้

  • ใช้สบู่ที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง เป็นวิธีการดูแลรักษาแก้วไวน์ที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีกลิ่นหอม หรือมีสารเคมีมากเกินไป เพราะอาจทำให้สบู่ทิ้งกลิ่น หรือสารตกค้างในแก้ว ที่อาจจะส่งผลต่อรสชาติของไวน์ที่จะดื่มในครั้งต่อไปได้

  • เช็ดด้วยผ้านุ่มปราศจากฝุ่น เป็นวิธีการดูแลรักษาแก้วไวน์ที่หลังจากล้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรใช้ผ้าที่ไม่มีฝุ่น หรือขนสัตว์ในการเช็ดแก้ว เพื่อป้องกันการทิ้งรอย หรือทิ้งฝุ่น และสิ้งสกปรกไว้ในแก้ว

  • ไม่ใส่แก้วไวน์ในเครื่องล้างจาน เพราะว่าความร้อน และแรงดันในเครื่องล้างจาน อาจทำให้แก้วไวน์เกิดอาการเปราะ หรือแตกหักได้ง่าย ดังนั้น จึงควรล้างแก้วไวน์ด้วยมือทุกครั้ง เพื่อถนอมคุณภาพของแก้ว และยืดอายุการใช้งานให้นานมากขึ้น

  • จัดเก็บแยกจากแก้วประเภทอื่น เป็นวิธีการดูแลรักษาแก้วไวน์ที่ควรจัดเก็บแก้วไวน์แยกออกจาจากแก้วประเภทอื่นๆ เพื่อป้องกันการกระแทก และลดโอกาสที่แก้วไวน์จะได้รับความเสียหาย

7. ดูบทความอื่นๆ จาก Wine Cellar BKK คลิก > ที่นี่

 

Prev Post
Next Post

Thanks for subscribing!

This email has been registered!

Shop the look

Choose Options

winecellarbkk.shop
Please verify your age

Recently Viewed

Edit Option
Back In Stock Notification
Terms & Conditions
What is Lorem Ipsum? Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard dummy text ever since the 1500s, when an unknown printer took a galley of type and scrambled it to make a type specimen book. It has survived not only five centuries, but also the leap into electronic typesetting, remaining essentially unchanged. It was popularised in the 1960s with the release of Letraset sheets containing Lorem Ipsum passages, and more recently with desktop publishing software like Aldus PageMaker including versions of Lorem Ipsum. Why do we use it? It is a long established fact that a reader will be distracted by the readable content of a page when looking at its layout. The point of using Lorem Ipsum is that it has a more-or-less normal distribution of letters, as opposed to using 'Content here, content here', making it look like readable English. Many desktop publishing packages and web page editors now use Lorem Ipsum as their default model text, and a search for 'lorem ipsum' will uncover many web sites still in their infancy. Various versions have evolved over the years, sometimes by accident, sometimes on purpose (injected humour and the like).
this is just a warning
Login
Shopping Cart
0 items