9 ข้อควรรู้ วิธีเลือกซื้อไวน์ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
9 ข้อควรรู้ วิธีเลือกซื้อไวน์ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ

1. เลือกประเภทของไวน์ที่ต้องการดื่ม

การเลือกประเภทของไวน์ที่ต้องการดื่ม เป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการกำหนดว่าจะดื่มไวน์ประเภทไหนนั้นจะช่วยให้นักดื่มสามารถตัดสินใจเลือกซื้อไวน์ได้ง่ายขึ้น โดยปัจจัยหลักที่ควรนำมาพิจารณา คือ รสนิยมในการดื่มของนักดื่ม ว่าชื่นชอบไวน์แบบไหนมากที่สุด เพราะว่าไวน์มีหลากหลายประเภทที่แตกต่างกันตามวิธีการผลิต วัตถุดิบ แหล่งผลิต รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น ดังนั้น นักดื่มจึงควรทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของไวน์แต่ละประเภท เพื่อจะช่วยให้เลือกไวน์ที่เหมาะสม และดื่มได้อย่างเพลิดเพลินมากขึ้น ซึ่งไวน์แต่ละประเภทที่เป็นที่นิยมนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
-
ไวน์แดง (Red Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่ทำมาจากองุ่นดำ หรือองุ่นแดง เช่น Cabernet Sauvignon, Merlot, หรือ Pinot Noir ทำให้ไวน์แดงส่วนใหญ่มักจะมีรสชาติที่เข้มข้น และหนักแน่น และจะมีความหอมหวานของผลไม้นานาชนิดอย่างชัดเจน เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ผลไม้สีดำ หรือผลไม้สีแดง เป็นต้น
-
ไวน์ขาว (White Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่ทำมาจากองุ่นขาว เช่น Chardonnay, Sauvignon Blanc, หรือ Riesling และในบางรุ่นก็จะทำมาจากองุ่นดำแบบปอกเปลือก ทำให้ไวน์ขาวมักจะมีรสชาติที่เบา หอมหวาน และสดชื่น และจะมีความหอมหวานของผลไม้สด เช่น แอปเปิ้ล เลมอน หรือลูกแพร์ เป็นต้น
-
สปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่นิยมเรียกกันว่า “ไวน์มีฟอง” ที่ทำมาจากกระบวนการหมักพิเศษ ทำให้มีเนื้อฟองเนียนละเอียด มีความหอมหวาน สดชื่น และเปรี้ยว ที่สามารถดื่มได้ง่าย และนิยมนำมาดื่มเป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย
-
ไวน์โรเซ่ (Rosé Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่มีสีชมพูอ่อน ด้วยกระบวนการผลิตที่ปล่อยให้เปลือกองุ่นสัมผัสกับน้ำองุ่นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้มีรสชาติที่เหมือนกับการผสมผสานระหว่างไวน์แดง และไวน์ขาว มีความหอมหวาน แต่ยังมีความเบาบาง สดชื่น และดื่มง่าย
- ไวน์หวาน (Sweet Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่มีน้ำตาลสูง ทำให้มีรสชาติที่มีความหวานมากกว่าไวน์ชนิดอื่นๆ และก็มีความเข้มข้น ที่ทำให้ดื่มง่าย เหมาะกับนักดื่มที่ชื่นชอบไวน์ที่มีความหวาน และไม่ฝาดจนเกินไป
2. เลือกประเทศ หรือแหล่งผลิตไวน์ที่ชื่นชอบ

การเลือกไวน์จากประเทศ หรือแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียง เป็นอีกวิธีเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้ได้ไวน์ที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน โดยแหล่งผลิตไวน์ทั่วโลกแต่ละแหล่งนั้นก็จะมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเพาะปลูก สภาพดิน น้ำ อากาศ การเก็บเกี่ยว ขั้นตอนการหมักบ่ม หรือการบรรจุขวด ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีผลต่อรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และลักษณะของไวน์ นอกจากนั้นในแต่ละประเทศก็ยังมีชื่อเสียงในด้านของการผลิตไวน์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกแหล่งผลิตไวน์ที่นักดื่มชื่นชอบก็จะช่วยให้นักดื่มสามารถคาดหวังถึงรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และคุณภาพได้ดีขึ้น ซึ่งประเทศ และแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่นิยมของนักดื่มทั่วโลก มีดังนี้
-
ฝรั่งเศส (France) เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์อันดับหนึ่งในโลก โดยมีแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญหลากหลายพื้นที่ แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดนั้นจะเป็นภูมิภาค Bordeaux และ Burgundy ที่เป็นแหล่งผลิตไวน์แดง และไวน์ขาวที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ซึ่งไวน์จากฝรั่งเศสนั้นมักจะมีจุดเด่นตรงที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความเข้มข้น ซับซ้อน แต่ยังคงความสมดุล
-
อิตาลี (Italy) เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์หลากหลายประเภทเช่นกัน โดยเฉพาะไวน์ Chianti และ Prosecco และส่วนใหญ่นั้นไวน์จากอิตาลีมักจะมีรสชาติที่สดชื่น และเข้มข้น และเหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหารอิตาเลียนมากที่สุด
-
สเปน (Spain) เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีความหลากหลาย โดยพื้นที่ที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์โด่งดังมากที่สุด คือ ไวน์แดงจากแคว้น Rioja และสปาร์คกลิ้งไวน์จากแคว้น Cava ที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศสเปนอย่างชัดเจน
-
สหรัฐอเมริกา (USA) เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์ไม่แพ้กันกับประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะพื้นที่ของแคลิฟอร์เนีย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น Napa Valley หรือ Sonoma County ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงระดับโลก
- นิวซีแลนด์ (New Zealand) เป็นประเทศที่เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตไวน์ขาว Sauvignon Blanc ที่ดีที่สุดในโลก เพราะว่ามีสภาพอากาศ ดิน และน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่อการเพาะปลูกองุ่นขาวมากที่สุด ทำให้ไวน์ขาว Sauvignon Blanc จากนิวซีแลนด์มักจะมีความสดชื่น และความหอมหวานเฉพาะตัวเป็นอย่างมาก
3. เลือกวินเทจ หรือปีที่ผลิตที่มีชื่อเสียง

การเลือกวินเทจ หรือปีที่ผลิตไวน์ เป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้นักดื่มสามารถเลือกดื่มไวน์คุณภาพดีได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะว่าวินเทจ หรือปีผลิตที่มีชื่อเสียงนั้นผลิตมาจากองุ่นคุณภาพดีที่สุดของปีนั้นๆ เนื่องจากสภาพอากาศในแต่ละปีมีผลต่อคุณภาพขององุ่นที่ใช้ผลิตไวน์ ดังนั้น วินเทจ หรือปีที่ผลิตที่มีชื่อเสียงมักมาจากปีที่มีสภาพอากาศเหมาะสมทำให้องุ่นเติบโตได้ดี และสมบูรณ์มากที่สุด ส่งผลให้มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ดังนั้น ทุกครั้งที่ทำการเลือกซื้อไวน์ควรทำการดูวินเทจ หรือปีที่ผลิตที่มีชื่อเสียงก่อนเสมอ เพื่อการันตีเบื้องต้นว่าจะได้ไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีคุณภาพ และมาตรฐานสมกับเป็นไวน์ปีดัง
4. อ่านฉลากไวน์ให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วน
การอ่านฉลากไวน์ ถือว่าเป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าบนฉลากไวน์นั้นจะมีข้อมูลที่บอกถึงรายละเอียดที่สำคัญของไวน์แต่ละรุ่น เช่น แหล่งผลิต สายพันธุ์องุ่น หรือปีผลิต เป็นต้น ดังนั้น การอ่านฉลาดไวน์ให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วน จึงเป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่ทำให้นักดื่มเข้าใจถึงไวน์แต่ละขวดได้เป็นอย่างดี และเลือกซื้อไวน์ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งข้อมูลบนฉลากไวน์ที่ควรให้ความสนใจ มีดังนี้
-
ชื่อไวน์ เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงชื่อยี่ห้อ และชื่อรุ่นของไวน์
-
แหล่งผลิตไวน์ เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงแหล่งเพาะปลูกองุ่น และแหล่งผลิตไวน์
-
สายพันธุ์องุ่น เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงสายพันธุ์องุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์
-
ปีที่ผลิต เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงปีที่เก็บเกี่ยวองุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์
-
ระดับแอลกอฮอล์ เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในไวน์
-
ผู้ผลิต เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงโรงผลิตไวน์ หรือผู้ผลิตไวน์
โดยข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นที่อยู่บนฉลากไวน์นั้นจะช่วยให้นักดื่มสามารถเข้าใจถึงลักษณะ และรายละเอียดต่างๆ ของไวน์ได้ เพราะว่าข้อมูลเหล่านั้นจะระบุถึงข้อมูลสำคัญของไวน์ และทำให้นักดื่มสามารถเลือกซื้อ หรือตัดสินใจซื้อไวน์ขวดนั้นๆ ได้ง่ายมากขึ้น
5. ตั้งงบประมาณที่ใช้ในการซื้อไวน์
การตั้งงบประมาณที่ใช้ในการซื้อไวน์ เป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้นักดื่มสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยความที่ไวน์แต่ละประเภท แต่ละยี่ห้อ และแต่ละรุ่นนั้นจะมีหลากหลายช่วงราคา โดยมีตั้งแต่ราคาย่อมเยาหลักร้อยไปจนถึงไวน์ระดับพรีเมียมที่มีราคาสูง ซึ่งแต่ละราคานั้นก็จะมีความแตกต่างกันในหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นรุ่น ยี่ห้อ วินเทจ หรือความหายาก ที่ล้วนแต่ส่งผลต่อราคาได้ ดังนั้น ในการซื้อไวน์แต่ละครั้งนักดื่มจึงควรเลือกซื้อให้เหมาะสมกับงบประมาณ เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้จ่ายเกินความจำเป็น และเมื่อกำหนดงบประมาณได้แล้ว ก็จะช่วยให้นักดื่มได้เลือกซื้อไวน์ที่มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสมได้ ยกตัวอย่างเช่น
-
ราคาเริ่มต้น เป็นไวน์ที่จะมีราคาประมาณ 500 บาทขึ้นไป แต่จะไม่เกินหลักพัน เหมาะกับนักดื่มที่เพิ่มเริ่มต้นลองดื่มไวน์ หรือนักดื่มที่อยากซื้อมาดื่มแบบชิลๆ
-
ราคาปานกลาง เป็นไวน์ที่มีราคาประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป แต่จะไม่เกินหลักหมื่น เหมาะกับนักดื่มที่ชื่นชอบการดื่มไวน์ เคยดื่มไวน์มาก่อน และต้องการสัมผัสความพรีเมียมของไวน์ในราคาสบายกระเป๋า
-
ราคาพรีเมียม เป็นไวน์ที่มีราคาประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป และในบางรุ่นอาจมีราคาถึงหลักแสนได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นไวน์ที่มาจากแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียง วินเทจดัง หรือหาซื้อได้ยาก เหมาะกับนักดื่มไวน์ หรือนักสะสมไวน์ตัวจริง
ทั้งนี้ ในปัจจุบันนั้นมีตัวเลือกไวน์ที่มีคุณภาพดี และมีราคาย่อมเยาให้นักดื่มได้เลือกกันอย่างหลากหลาย ดังนั้น สิ่งสำคัญในการซื้อไวน์ คือ ต้องพิจารณาจากความคุ้มค่าต่อราคาของไวน์ โดยไม่จำเป็นต้องเลือกไวน์ที่ราคาแพงที่สุดเสมอ แต่ควรเลือกไวน์ที่ตรงกับงบประมาณ และความต้องการของนักดื่มมากที่สุด
6. เลือกไวน์ให้เข้ากับมื้ออาหาร หรือโอกาส
การเลือกไวน์ให้เข้ากับมื้ออาหาร หรือโอกาสในการดื่ม เป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้เลือกไวน์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะว่าไวน์แต่ละประเภท แต่ละรุ่น หรือแต่ละยี่ห้อนั้นจะเหมาะกับการดื่มกับอาหาร และโอกาสในการดื่มที่แตกต่างกัน ดังนั้น ในการเลือกซื้อไวน์แต่ละครั้ง จึงควรคำนึงถึงความเข้ากันของไวน์กับมื้ออาหาร หรือโอกาสร่วมด้วย ซึ่งไวน์แต่ละประเภทนั้นก็จะเหมาะกับมื้ออาหาร และโอกาสต่างๆ ดังนี้
-
ไวน์แดง (Red Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่เหมาะกับการดื่มกับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อแดง เช่น สเต็ก เนื้อแกะย่าง หรือบาร์บีคิว และเหมาะกับการดื่มในงานสังสรรค์ หรือมื้ออาหารสุดหรู เนื่องจากไวน์แดงนั้นจะมีรสชาติที่เข้มข้น และมีกลิ่นที่มีความหอมหวานอย่างชัดเจน
-
ไวน์ขาว (White Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่เหมาะกับการดื่มกับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักของอาหารทะเล และไก่ เช่น ปลาย่าง ไก่ตุ๋น หรือหอยนางรม เพราะไวน์ขาวมีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวาน สดชื่น และโปร่งเบา จึงเหมาะกับการดื่มในโอกาสพิเศษ คุยงานทางธุรกิจ หรือมื้ออาหารกลางวันแบบเบาๆ เป็นอย่างมาก
-
สปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่เหมาะกับการดื่มกับอาหารเรียกน้ำย่อย หรืออาหารที่มีรสชาติเบาถึงกลาง รวมถึงเมนูขนมต่างๆ ก็สามารถดื่มคู่กันได้ เพราะสปาร์คกลิ้งไวน์นั้นจะมีความหอมหวาน และความสดชื่น และเหมาะกับการดื่มในงานเฉลิมฉลอง หรือสังสรรค์เป็นอย่างมาก
-
ไวน์โรเซ่ (Rosé Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่เหมาะกับการดื่มกับอาหารที่มีรสชาติกลางๆ เช่น สลัด สปาเก็ตตี้ หรือพาสต้า ที่ไม่ได้มีรสชาติที่เข้มข้น หรือบางเบาจนเกินไป จึงเหมาะกับการดื่มได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะมื้อกลางวัน มื้อเย็น ดื่มสังสรรค์ หรือดื่มแบบชิลๆ ที่บ้านก็ได้
-
ไวน์หวาน (Sweet Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่เหมาะกับการดื่มกับของหวาน เช่น ขนมเค้ก ช็อคโกแลต รวมถึงผลไม้สดนานาชนิด เพราะว่าไวน์หวานนั้นจะมีความหวานที่สามารถเข้ากันกับอาหารที่กล่าวมาข้างต้นได้เป็นอย่างดี และเหมาะกับการดื่มในงานปาร์ตี้ หรือดื่มชิลๆ แบบที่บ้านเป็นอย่างมาก
7. เช็กรีวิว หรือคะแนนไวน์ก่อนตัดสินใจซื้อ
การตรวจสอบรีวิว หรือคะแนนไวน์ เป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่ควรทำก่อนทำการตัดสินใจซื้อ โดยวิธีเลือกซื้อไวน์วิธีนี้นักดื่มจะต้องทำการเช็กรีวิว หรือคะแนนไวน์จากนักดื่ม หรือนักวิจารณ์ไวน์ตามเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อประเมินคุณภาพของไวน์ล่วงหน้าว่าเหมาะกับการดื่มของตัวเองหรือไม่ ซึ่งไวน์ที่ได้รับคะแนนสูง หรือมีรีวิวดีมักจะมีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และสามารถหารีวิวได้จากเว็บไซต์ และนิตยสารไวน์ เช่น Robert Parker, James Suckling หรือ Wine Enthusiast เป็นต้น ซึ่งในการให้คะแนนไวน์นั้นส่วนใหญ่มักจะให้ตามคุณภาพ ความสมดุลของรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และความโดดเด่นเฉพาะตัวของไวน์ ดังนั้น การเช็กรีวิว หรือคะแนนะไวน์ก่อนตัดสินใจซื้อ ก็จะช่วยให้นักดื่มสามารถเปรียบเทียบไวน์แต่ละขวด และตัดสินใจได้ดีขึ้น โดยตัวอย่างของการให้คะแนนไวน์ มีดังนี้
-
90-100 คะแนน ถือว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพสูง มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่โดดเด่นมากกว่าไวน์ทั่วไป
-
80-89 คะแนน ถือว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพดี ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่เหมาะสมกับราคา และเหมาะสำหรับการดื่มในโอกาสทั่วไป
-
ต่ำกว่า 80 คะแนน ถือว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพปานกลาง รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่สามารถดื่มได้ง่าย และเหมาะกับนักดื่มที่เพิ่งเริ่มต้นดื่มไวน์
ทั้งนี้ เกณฑ์การให้คะแนนของนักวิจารณ์ไวน์แต่ละที่นั้นอาจมีความแตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรทำการเปรียบเทียบคะแนนจากหลากหลายเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
8. เลือกไวน์ให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการซื้อ
การเลือกไวน์ให้ตรงกับจุดประสงค์ในการซื้อ เป็นอีกวิธีเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้นักดื่มตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากขึ้น ถ้าหากซื้อไวน์เพื่อดื่มเอง ควรเลือกไวน์ที่ตรงกับความชอบส่วนตัว แต่ถ้าหากซื้อเพื่อเป็นของขวัญ หรือดื่มในโอกาสต่างๆ ก็ควรเลือกไวน์ที่ตรงกับความชอบของผู้รับ ไวน์ที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไป หรือไวน์ที่เหมาะกับผู้ดื่มหลายๆ คน เพื่อให้ไวน์ที่เลือกนั้นสามารถตอบโจทย์จุดประสงค์ในการดซื้อมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ไวน์สำหรับดื่มเอง ก็ควรเลือกไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่ชื่นชอบ เช่น ไวน์แดงที่มีความเข้มข้น และหอมหวานของผลไม้ชัดเจน หรือไวน์ขาวที่มีความสดชื่น ที่ดื่มแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ไวน์สำหรับเป็นของขวัญ ที่ควรเลือกไวน์ที่มีชื่อเสียง มีมูลค่า หรือถ้าหากรู้ว่าผู้รับชอบแบบไหนก็เลือกซื้อให้เหมาะกับผู้รับ หรือไวน์สำหรับการเฉลิมฉลอง ที่ควรเลือกไวน์ที่มีความสดชื่น เช่น สปาร์คกลิ้งไวน์ หรือแชมเปญ เป็นต้น ซึ่งการเลือกไวน์ให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการซื้อนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีในการดื่มให้กับตัวเอง หรือผู้อื่นได้อีกด้วย
9. ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพนักงาน
การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพนักงานร้านไวน์ เป็นอีกหนึ่งวิธีเลือกซื้อไวน์ที่ช่วยให้นักดื่มสามารถเลือกไวน์ได้ง่ายขึ้น เพราะว่าผู้เชี่ยวชาญ หรือพนักงานนั้นจะมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับไวน์แต่ละขวด รวมถึงคุณภาพ แหล่งผลิต และรายละเอียดต่างๆ ของไวน์เป็นอย่างดี ดังนั้น การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพนักงานก็จะช่วยให้นักดื่มได้รับข้อมูลที่ชัดเจน และถูกต้องเกี่ยวกับไวน์ที่สนใจได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากนักดื่มไม่แน่ใจว่าไวน์ขวดไหนเหมาะกับมื้ออาหารที่กำลังจะรับประทาน หรือไม่แน่ใจว่าไวน์ขวดไหนเหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญ ก็สามารถขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพนักงานที่สามารถแนะนำไวน์ที่เหมาะกับอาหาร ได้รับความนิยม หรือเหมาะสมกับผู้รับได้ และช่วยให้นักดื่มมั่นใจได้ว่าสามารถเลือกไวน์ที่เหมาะสมกับความต้องการได้มากที่สุด
สำหรับนักดื่มที่กำลังอยากจะซื้อไวน์ แต่ไม่มั่นใจในการเลือกไวน์ ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Cellar BKK แหล่งนำเข้า และแหล่งจำหน่ายเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีบริการแอดมินให้คำแนะนำสินค้าอย่างมืออาชีพ อยากได้ไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน หรืออยากได้เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อยากได้ยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ มีงบประมาณเท่าไหร่ ซื้อดื่มเอง หรือซื้อเป็นของขวัญ ก็สามารถแจ้งแอดมินได้ เพื่อให้แอดมินแนะนำเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์กับความต้องการของนักดื่มมากที่สุด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้เลยที่
-
Line Official : @wincellar24
-
Website : www.winecellarbkk.com หรือ คลิก ที่นี่
โดยที่ Wine Cellar BKK มีเครื่องดื่มให้นักดื่มได้เลือกสรรกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว แชมเปญ สปาร์คกลิ้งไวน์ คอนญัก วิสกี้ หรือเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีให้เลือกซื้อกันอย่างครบครัน การันตีสินค้าทุกขวดเป็นของแท้ 100% ผ่านการคัดสรรเครื่องดื่มทุกขวดด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน และการันตีว่าจำหน่ายในราคาดีที่สุดในตลาด เพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า และให้นักดื่มเข้าถึงเครื่องดื่มขวดโปรดได้ในราคาย่อมเยา มาพร้อมกับบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้าน ที่มีให้นักดื่มได้เลือกใช้ทั้งบริการจัดส่งสินค้าด่วนภายในกทม. ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 1-2 วัน สามารถสั่งซื้อเครื่องดื่มกับ Wine Cellar BKK ได้ง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา แพ็คสินค้าทุกออเดอร์เป็นอย่างดี มีการรับประกันสินค้าระหว่างการจัดส่ง หากสินค้าได้รับความเสียหาย แตก หัก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ที่เกิดจากการจัดส่ง ทางร้านยินดีเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นขวดใหม่ให้ทันที แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อสร้างความประทับใจในการเลือกซื้อไวน์กับเราตลอดการบริการ
10. ดูบทความอื่นๆ จาก Wine Cellar BKK คลิก > ที่นี่