Skip to content

Free standard shipping on orders over 10,000 THB

Blog

9 ข้อควรรู้ วิธีเลือกซื้อไวน์ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ

by Pongsakorn Tiyapornchai 25 Mar 2025

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

 

9 ข้อควรรู้ วิธีเลือกซื้อไวน์ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ

วิธีเลือกซื้อไวน์
ในปัจจุบันนั้นการดื่มไวน์ได้รับความนิยมมากขึ้นในทุกสังคม เพราะว่าไวน์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องดื่มที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นหลากหลาย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร การสังสรรค์ และการเฉลิมฉลองด้วย อย่างไรก็ตามการเลือกซื้อไวน์ในปัจจุบันอาจทำให้หลายๆ คนรู้สึกสับสน หรือเลือกซื้อกันไม่ถูก เนื่องจากมีไวน์ในปัจจุบันนั้นมีให้เลือกหลากหลายประเภท หลากหลายยี่ห้อ และมาจากหลากหลายแหล่งผลิต ซึ่งทำให้ไวน์แต่ละขวดก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกไวน์ที่เหมาะสมกับตัวเอง หรือโอกาสต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้นักดื่มเพลิดเพลินกับความพรีเมียมของไวน์ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Wine Cellar BKK ก็จะมาแนะนำ 9 วิธีเลือกซื้อไวน์ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นนักดื่มมือใหม่ หรือนักดื่มมือโปรก็เลือกซื้อได้แบบไม่มีพลาด และช่วยให้นักดื่มสามารถเลือกซื้อไวน์ที่ตรงกับความต้องการของตัวเองได้ง่ายขึ้น โดยแต่ละวิธีเลือกซื้อไวน์จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย!

1. เลือกประเภทของไวน์ที่ต้องการดื่ม

วิธีเลือกซื้อไวน์

การเลือกประเภทของไวน์ที่ต้องการดื่ม เป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการกำหนดว่าจะดื่มไวน์ประเภทไหนนั้นจะช่วยให้นักดื่มสามารถตัดสินใจเลือกซื้อไวน์ได้ง่ายขึ้น โดยปัจจัยหลักที่ควรนำมาพิจารณา คือ รสนิยมในการดื่มของนักดื่ม ว่าชื่นชอบไวน์แบบไหนมากที่สุด เพราะว่าไวน์มีหลากหลายประเภทที่แตกต่างกันตามวิธีการผลิต วัตถุดิบ แหล่งผลิต รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น ดังนั้น นักดื่มจึงควรทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของไวน์แต่ละประเภท เพื่อจะช่วยให้เลือกไวน์ที่เหมาะสม และดื่มได้อย่างเพลิดเพลินมากขึ้น ซึ่งไวน์แต่ละประเภทที่เป็นที่นิยมนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  • ไวน์แดง (Red Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่ทำมาจากองุ่นดำ หรือองุ่นแดง เช่น Cabernet Sauvignon, Merlot, หรือ Pinot Noir ทำให้ไวน์แดงส่วนใหญ่มักจะมีรสชาติที่เข้มข้น และหนักแน่น และจะมีความหอมหวานของผลไม้นานาชนิดอย่างชัดเจน เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ผลไม้สีดำ หรือผลไม้สีแดง เป็นต้น

  • ไวน์ขาว (White Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่ทำมาจากองุ่นขาว เช่น Chardonnay, Sauvignon Blanc, หรือ Riesling และในบางรุ่นก็จะทำมาจากองุ่นดำแบบปอกเปลือก ทำให้ไวน์ขาวมักจะมีรสชาติที่เบา หอมหวาน และสดชื่น และจะมีความหอมหวานของผลไม้สด เช่น แอปเปิ้ล เลมอน หรือลูกแพร์ เป็นต้น

  • สปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่นิยมเรียกกันว่า “ไวน์มีฟอง” ที่ทำมาจากกระบวนการหมักพิเศษ ทำให้มีเนื้อฟองเนียนละเอียด มีความหอมหวาน สดชื่น และเปรี้ยว ที่สามารถดื่มได้ง่าย และนิยมนำมาดื่มเป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย

  • ไวน์โรเซ่ (Rosé Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่มีสีชมพูอ่อน ด้วยกระบวนการผลิตที่ปล่อยให้เปลือกองุ่นสัมผัสกับน้ำองุ่นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้มีรสชาติที่เหมือนกับการผสมผสานระหว่างไวน์แดง และไวน์ขาว มีความหอมหวาน แต่ยังมีความเบาบาง สดชื่น และดื่มง่าย

  • ไวน์หวาน (Sweet Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่มีน้ำตาลสูง ทำให้มีรสชาติที่มีความหวานมากกว่าไวน์ชนิดอื่นๆ และก็มีความเข้มข้น ที่ทำให้ดื่มง่าย เหมาะกับนักดื่มที่ชื่นชอบไวน์ที่มีความหวาน และไม่ฝาดจนเกินไป

2. เลือกประเทศ หรือแหล่งผลิตไวน์ที่ชื่นชอบ

วิธีเลือกซื้อไวน์

การเลือกไวน์จากประเทศ หรือแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียง เป็นอีกวิธีเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้ได้ไวน์ที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน โดยแหล่งผลิตไวน์ทั่วโลกแต่ละแหล่งนั้นก็จะมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเพาะปลูก สภาพดิน น้ำ อากาศ การเก็บเกี่ยว ขั้นตอนการหมักบ่ม หรือการบรรจุขวด ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีผลต่อรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และลักษณะของไวน์ นอกจากนั้นในแต่ละประเทศก็ยังมีชื่อเสียงในด้านของการผลิตไวน์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกแหล่งผลิตไวน์ที่นักดื่มชื่นชอบก็จะช่วยให้นักดื่มสามารถคาดหวังถึงรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และคุณภาพได้ดีขึ้น ซึ่งประเทศ และแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่นิยมของนักดื่มทั่วโลก มีดังนี้

  • ฝรั่งเศส (France) เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์อันดับหนึ่งในโลก โดยมีแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญหลากหลายพื้นที่ แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดนั้นจะเป็นภูมิภาค Bordeaux และ Burgundy ที่เป็นแหล่งผลิตไวน์แดง และไวน์ขาวที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ซึ่งไวน์จากฝรั่งเศสนั้นมักจะมีจุดเด่นตรงที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความเข้มข้น ซับซ้อน แต่ยังคงความสมดุล

  • อิตาลี (Italy) เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์หลากหลายประเภทเช่นกัน โดยเฉพาะไวน์ Chianti และ Prosecco และส่วนใหญ่นั้นไวน์จากอิตาลีมักจะมีรสชาติที่สดชื่น และเข้มข้น และเหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหารอิตาเลียนมากที่สุด

  • สเปน (Spain) เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีความหลากหลาย โดยพื้นที่ที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์โด่งดังมากที่สุด คือ ไวน์แดงจากแคว้น Rioja และสปาร์คกลิ้งไวน์จากแคว้น Cava ที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศสเปนอย่างชัดเจน

  • สหรัฐอเมริกา (USA) เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์ไม่แพ้กันกับประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะพื้นที่ของแคลิฟอร์เนีย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น Napa Valley หรือ Sonoma County ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงระดับโลก

  • นิวซีแลนด์ (New Zealand) เป็นประเทศที่เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตไวน์ขาว Sauvignon Blanc ที่ดีที่สุดในโลก เพราะว่ามีสภาพอากาศ ดิน และน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่อการเพาะปลูกองุ่นขาวมากที่สุด ทำให้ไวน์ขาว Sauvignon Blanc จากนิวซีแลนด์มักจะมีความสดชื่น และความหอมหวานเฉพาะตัวเป็นอย่างมาก

3. เลือกวินเทจ หรือปีที่ผลิตที่มีชื่อเสียง

วิธีเลือกซื้อไวน์

การเลือกวินเทจ หรือปีที่ผลิตไวน์ เป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้นักดื่มสามารถเลือกดื่มไวน์คุณภาพดีได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะว่าวินเทจ หรือปีผลิตที่มีชื่อเสียงนั้นผลิตมาจากองุ่นคุณภาพดีที่สุดของปีนั้นๆ เนื่องจากสภาพอากาศในแต่ละปีมีผลต่อคุณภาพขององุ่นที่ใช้ผลิตไวน์ ดังนั้น วินเทจ หรือปีที่ผลิตที่มีชื่อเสียงมักมาจากปีที่มีสภาพอากาศเหมาะสมทำให้องุ่นเติบโตได้ดี และสมบูรณ์มากที่สุด ส่งผลให้มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ดังนั้น ทุกครั้งที่ทำการเลือกซื้อไวน์ควรทำการดูวินเทจ หรือปีที่ผลิตที่มีชื่อเสียงก่อนเสมอ เพื่อการันตีเบื้องต้นว่าจะได้ไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีคุณภาพ และมาตรฐานสมกับเป็นไวน์ปีดัง

4. อ่านฉลากไวน์ให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วน

การอ่านฉลากไวน์ ถือว่าเป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าบนฉลากไวน์นั้นจะมีข้อมูลที่บอกถึงรายละเอียดที่สำคัญของไวน์แต่ละรุ่น เช่น แหล่งผลิต สายพันธุ์องุ่น หรือปีผลิต เป็นต้น ดังนั้น การอ่านฉลาดไวน์ให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วน จึงเป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่ทำให้นักดื่มเข้าใจถึงไวน์แต่ละขวดได้เป็นอย่างดี และเลือกซื้อไวน์ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งข้อมูลบนฉลากไวน์ที่ควรให้ความสนใจ มีดังนี้

  • ชื่อไวน์ เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงชื่อยี่ห้อ และชื่อรุ่นของไวน์

  • แหล่งผลิตไวน์ เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงแหล่งเพาะปลูกองุ่น และแหล่งผลิตไวน์

  • สายพันธุ์องุ่น เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงสายพันธุ์องุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์

  • ปีที่ผลิต เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงปีที่เก็บเกี่ยวองุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์

  • ระดับแอลกอฮอล์ เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในไวน์

  • ผู้ผลิต เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงโรงผลิตไวน์ หรือผู้ผลิตไวน์

โดยข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นที่อยู่บนฉลากไวน์นั้นจะช่วยให้นักดื่มสามารถเข้าใจถึงลักษณะ และรายละเอียดต่างๆ ของไวน์ได้ เพราะว่าข้อมูลเหล่านั้นจะระบุถึงข้อมูลสำคัญของไวน์ และทำให้นักดื่มสามารถเลือกซื้อ หรือตัดสินใจซื้อไวน์ขวดนั้นๆ ได้ง่ายมากขึ้น

5. ตั้งงบประมาณที่ใช้ในการซื้อไวน์

วิธีเลือกซื้อไวน์

การตั้งงบประมาณที่ใช้ในการซื้อไวน์ เป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้นักดื่มสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยความที่ไวน์แต่ละประเภท แต่ละยี่ห้อ และแต่ละรุ่นนั้นจะมีหลากหลายช่วงราคา โดยมีตั้งแต่ราคาย่อมเยาหลักร้อยไปจนถึงไวน์ระดับพรีเมียมที่มีราคาสูง ซึ่งแต่ละราคานั้นก็จะมีความแตกต่างกันในหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นรุ่น ยี่ห้อ วินเทจ หรือความหายาก ที่ล้วนแต่ส่งผลต่อราคาได้ ดังนั้น ในการซื้อไวน์แต่ละครั้งนักดื่มจึงควรเลือกซื้อให้เหมาะสมกับงบประมาณ เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้จ่ายเกินความจำเป็น และเมื่อกำหนดงบประมาณได้แล้ว ก็จะช่วยให้นักดื่มได้เลือกซื้อไวน์ที่มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสมได้ ยกตัวอย่างเช่น

  • ราคาเริ่มต้น เป็นไวน์ที่จะมีราคาประมาณ 500 บาทขึ้นไป แต่จะไม่เกินหลักพัน เหมาะกับนักดื่มที่เพิ่มเริ่มต้นลองดื่มไวน์ หรือนักดื่มที่อยากซื้อมาดื่มแบบชิลๆ

  • ราคาปานกลาง เป็นไวน์ที่มีราคาประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป แต่จะไม่เกินหลักหมื่น เหมาะกับนักดื่มที่ชื่นชอบการดื่มไวน์ เคยดื่มไวน์มาก่อน และต้องการสัมผัสความพรีเมียมของไวน์ในราคาสบายกระเป๋า

  • ราคาพรีเมียม เป็นไวน์ที่มีราคาประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป และในบางรุ่นอาจมีราคาถึงหลักแสนได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นไวน์ที่มาจากแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียง วินเทจดัง หรือหาซื้อได้ยาก เหมาะกับนักดื่มไวน์ หรือนักสะสมไวน์ตัวจริง

ทั้งนี้ ในปัจจุบันนั้นมีตัวเลือกไวน์ที่มีคุณภาพดี และมีราคาย่อมเยาให้นักดื่มได้เลือกกันอย่างหลากหลาย ดังนั้น สิ่งสำคัญในการซื้อไวน์ คือ ต้องพิจารณาจากความคุ้มค่าต่อราคาของไวน์ โดยไม่จำเป็นต้องเลือกไวน์ที่ราคาแพงที่สุดเสมอ แต่ควรเลือกไวน์ที่ตรงกับงบประมาณ และความต้องการของนักดื่มมากที่สุด


6. เลือกไวน์ให้เข้ากับมื้ออาหาร หรือโอกาส

การเลือกไวน์ให้เข้ากับมื้ออาหาร หรือโอกาสในการดื่ม เป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้เลือกไวน์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะว่าไวน์แต่ละประเภท แต่ละรุ่น หรือแต่ละยี่ห้อนั้นจะเหมาะกับการดื่มกับอาหาร และโอกาสในการดื่มที่แตกต่างกัน ดังนั้น ในการเลือกซื้อไวน์แต่ละครั้ง จึงควรคำนึงถึงความเข้ากันของไวน์กับมื้ออาหาร หรือโอกาสร่วมด้วย ซึ่งไวน์แต่ละประเภทนั้นก็จะเหมาะกับมื้ออาหาร และโอกาสต่างๆ ดังนี้

  • ไวน์แดง (Red Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่เหมาะกับการดื่มกับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อแดง เช่น สเต็ก เนื้อแกะย่าง หรือบาร์บีคิว  และเหมาะกับการดื่มในงานสังสรรค์ หรือมื้ออาหารสุดหรู เนื่องจากไวน์แดงนั้นจะมีรสชาติที่เข้มข้น และมีกลิ่นที่มีความหอมหวานอย่างชัดเจน

  • ไวน์ขาว (White Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่เหมาะกับการดื่มกับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักของอาหารทะเล และไก่ เช่น ปลาย่าง ไก่ตุ๋น หรือหอยนางรม เพราะไวน์ขาวมีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวาน สดชื่น และโปร่งเบา จึงเหมาะกับการดื่มในโอกาสพิเศษ คุยงานทางธุรกิจ หรือมื้ออาหารกลางวันแบบเบาๆ เป็นอย่างมาก

  • สปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่เหมาะกับการดื่มกับอาหารเรียกน้ำย่อย หรืออาหารที่มีรสชาติเบาถึงกลาง รวมถึงเมนูขนมต่างๆ ก็สามารถดื่มคู่กันได้ เพราะสปาร์คกลิ้งไวน์นั้นจะมีความหอมหวาน และความสดชื่น และเหมาะกับการดื่มในงานเฉลิมฉลอง หรือสังสรรค์เป็นอย่างมาก

  • ไวน์โรเซ่ (Rosé Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่เหมาะกับการดื่มกับอาหารที่มีรสชาติกลางๆ เช่น สลัด สปาเก็ตตี้ หรือพาสต้า ที่ไม่ได้มีรสชาติที่เข้มข้น หรือบางเบาจนเกินไป จึงเหมาะกับการดื่มได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะมื้อกลางวัน มื้อเย็น ดื่มสังสรรค์ หรือดื่มแบบชิลๆ ที่บ้านก็ได้

  • ไวน์หวาน (Sweet Wine) เป็นประเภทของไวน์ที่เหมาะกับการดื่มกับของหวาน เช่น ขนมเค้ก ช็อคโกแลต รวมถึงผลไม้สดนานาชนิด เพราะว่าไวน์หวานนั้นจะมีความหวานที่สามารถเข้ากันกับอาหารที่กล่าวมาข้างต้นได้เป็นอย่างดี และเหมาะกับการดื่มในงานปาร์ตี้ หรือดื่มชิลๆ แบบที่บ้านเป็นอย่างมาก


7. เช็กรีวิว หรือคะแนนไวน์ก่อนตัดสินใจซื้อ

การตรวจสอบรีวิว หรือคะแนนไวน์ เป็นวิธีเลือกซื้อไวน์ที่ควรทำก่อนทำการตัดสินใจซื้อ โดยวิธีเลือกซื้อไวน์วิธีนี้นักดื่มจะต้องทำการเช็กรีวิว หรือคะแนนไวน์จากนักดื่ม หรือนักวิจารณ์ไวน์ตามเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อประเมินคุณภาพของไวน์ล่วงหน้าว่าเหมาะกับการดื่มของตัวเองหรือไม่ ซึ่งไวน์ที่ได้รับคะแนนสูง หรือมีรีวิวดีมักจะมีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และสามารถหารีวิวได้จากเว็บไซต์ และนิตยสารไวน์ เช่น Robert Parker, James Suckling หรือ Wine Enthusiast เป็นต้น ซึ่งในการให้คะแนนไวน์นั้นส่วนใหญ่มักจะให้ตามคุณภาพ ความสมดุลของรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และความโดดเด่นเฉพาะตัวของไวน์ ดังนั้น การเช็กรีวิว หรือคะแนนะไวน์ก่อนตัดสินใจซื้อ ก็จะช่วยให้นักดื่มสามารถเปรียบเทียบไวน์แต่ละขวด และตัดสินใจได้ดีขึ้น โดยตัวอย่างของการให้คะแนนไวน์ มีดังนี้

  • 90-100 คะแนน ถือว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพสูง มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่โดดเด่นมากกว่าไวน์ทั่วไป

  • 80-89 คะแนน ถือว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพดี ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่เหมาะสมกับราคา และเหมาะสำหรับการดื่มในโอกาสทั่วไป

  • ต่ำกว่า 80 คะแนน ถือว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพปานกลาง รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่สามารถดื่มได้ง่าย และเหมาะกับนักดื่มที่เพิ่งเริ่มต้นดื่มไวน์

ทั้งนี้ เกณฑ์การให้คะแนนของนักวิจารณ์ไวน์แต่ละที่นั้นอาจมีความแตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรทำการเปรียบเทียบคะแนนจากหลากหลายเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

8. เลือกไวน์ให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการซื้อ

การเลือกไวน์ให้ตรงกับจุดประสงค์ในการซื้อ เป็นอีกวิธีเลือกซื้อไวน์ที่จะช่วยให้นักดื่มตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากขึ้น ถ้าหากซื้อไวน์เพื่อดื่มเอง ควรเลือกไวน์ที่ตรงกับความชอบส่วนตัว แต่ถ้าหากซื้อเพื่อเป็นของขวัญ หรือดื่มในโอกาสต่างๆ ก็ควรเลือกไวน์ที่ตรงกับความชอบของผู้รับ ไวน์ที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไป หรือไวน์ที่เหมาะกับผู้ดื่มหลายๆ คน เพื่อให้ไวน์ที่เลือกนั้นสามารถตอบโจทย์จุดประสงค์ในการดซื้อมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ไวน์สำหรับดื่มเอง ก็ควรเลือกไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่ชื่นชอบ เช่น ไวน์แดงที่มีความเข้มข้น และหอมหวานของผลไม้ชัดเจน หรือไวน์ขาวที่มีความสดชื่น ที่ดื่มแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ไวน์สำหรับเป็นของขวัญ ที่ควรเลือกไวน์ที่มีชื่อเสียง มีมูลค่า หรือถ้าหากรู้ว่าผู้รับชอบแบบไหนก็เลือกซื้อให้เหมาะกับผู้รับ หรือไวน์สำหรับการเฉลิมฉลอง ที่ควรเลือกไวน์ที่มีความสดชื่น เช่น สปาร์คกลิ้งไวน์ หรือแชมเปญ เป็นต้น ซึ่งการเลือกไวน์ให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการซื้อนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีในการดื่มให้กับตัวเอง หรือผู้อื่นได้อีกด้วย

9. ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพนักงาน

การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพนักงานร้านไวน์ เป็นอีกหนึ่งวิธีเลือกซื้อไวน์ที่ช่วยให้นักดื่มสามารถเลือกไวน์ได้ง่ายขึ้น เพราะว่าผู้เชี่ยวชาญ หรือพนักงานนั้นจะมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับไวน์แต่ละขวด รวมถึงคุณภาพ แหล่งผลิต และรายละเอียดต่างๆ ของไวน์เป็นอย่างดี ดังนั้น การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพนักงานก็จะช่วยให้นักดื่มได้รับข้อมูลที่ชัดเจน และถูกต้องเกี่ยวกับไวน์ที่สนใจได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากนักดื่มไม่แน่ใจว่าไวน์ขวดไหนเหมาะกับมื้ออาหารที่กำลังจะรับประทาน หรือไม่แน่ใจว่าไวน์ขวดไหนเหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญ ก็สามารถขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพนักงานที่สามารถแนะนำไวน์ที่เหมาะกับอาหาร ได้รับความนิยม หรือเหมาะสมกับผู้รับได้ และช่วยให้นักดื่มมั่นใจได้ว่าสามารถเลือกไวน์ที่เหมาะสมกับความต้องการได้มากที่สุด

สำหรับนักดื่มที่กำลังอยากจะซื้อไวน์ แต่ไม่มั่นใจในการเลือกไวน์ ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Cellar BKK แหล่งนำเข้า และแหล่งจำหน่ายเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีบริการแอดมินให้คำแนะนำสินค้าอย่างมืออาชีพ อยากได้ไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน หรืออยากได้เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อยากได้ยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ มีงบประมาณเท่าไหร่ ซื้อดื่มเอง หรือซื้อเป็นของขวัญ ก็สามารถแจ้งแอดมินได้ เพื่อให้แอดมินแนะนำเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์กับความต้องการของนักดื่มมากที่สุด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้เลยที่ 


โดยที่ Wine Cellar BKK มีเครื่องดื่มให้นักดื่มได้เลือกสรรกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว แชมเปญ สปาร์คกลิ้งไวน์ คอนญัก วิสกี้ หรือเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีให้เลือกซื้อกันอย่างครบครัน การันตีสินค้าทุกขวดเป็นของแท้ 100% ผ่านการคัดสรรเครื่องดื่มทุกขวดด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน และการันตีว่าจำหน่ายในราคาดีที่สุดในตลาด เพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า และให้นักดื่มเข้าถึงเครื่องดื่มขวดโปรดได้ในราคาย่อมเยา มาพร้อมกับบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้าน ที่มีให้นักดื่มได้เลือกใช้ทั้งบริการจัดส่งสินค้าด่วนภายในกทม. ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 1-2 วัน สามารถสั่งซื้อเครื่องดื่มกับ Wine Cellar BKK ได้ง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา แพ็คสินค้าทุกออเดอร์เป็นอย่างดี มีการรับประกันสินค้าระหว่างการจัดส่ง หากสินค้าได้รับความเสียหาย แตก หัก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ที่เกิดจากการจัดส่ง ทางร้านยินดีเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นขวดใหม่ให้ทันที แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อสร้างความประทับใจในการเลือกซื้อไวน์กับเราตลอดการบริการ

10. ดูบทความอื่นๆ จาก Wine Cellar BKK คลิก > ที่นี่

 

Prev Post
Next Post

Thanks for subscribing!

This email has been registered!

Shop the look

Choose Options

winecellarbkk.shop
Please verify your age

Recently Viewed

Edit Option
Back In Stock Notification
Terms & Conditions
What is Lorem Ipsum? Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard dummy text ever since the 1500s, when an unknown printer took a galley of type and scrambled it to make a type specimen book. It has survived not only five centuries, but also the leap into electronic typesetting, remaining essentially unchanged. It was popularised in the 1960s with the release of Letraset sheets containing Lorem Ipsum passages, and more recently with desktop publishing software like Aldus PageMaker including versions of Lorem Ipsum. Why do we use it? It is a long established fact that a reader will be distracted by the readable content of a page when looking at its layout. The point of using Lorem Ipsum is that it has a more-or-less normal distribution of letters, as opposed to using 'Content here, content here', making it look like readable English. Many desktop publishing packages and web page editors now use Lorem Ipsum as their default model text, and a search for 'lorem ipsum' will uncover many web sites still in their infancy. Various versions have evolved over the years, sometimes by accident, sometimes on purpose (injected humour and the like).
this is just a warning
Login
Shopping Cart
0 items