Skip to content

Free standard shipping on orders over 10,000 THB

Blog

แนะนำแชมเปญจากฝรั่งเศส แชมเปญราคาดีที่สุด ที่นี่ พร้อมส่งทันที

by Ahead Shopify 24 May 2024

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

แนะนำแชมเปญจากฝรั่งเศส แชมเปญราคาดีที่สุด ที่นี่ พร้อมส่งทันที

แชมเปญราคา
ถ้าหากพูดถึง “แชมเปญ” ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับนักดื่มได้ตั้งแต่หยดแรกจนหยุดสุดท้าย อาจทำให้นักดื่มหลายๆ คนนึกถึงแชมเปญจากประเทศฝรั่งเศส เพราะว่าแชมเปญ หรือ ช็องปาญ เป็นเครื่องดื่มที่แอลกอลฮอล์เก่าแก่ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ 1668 ที่ถูกค้นพบโดยบังเอิญจากนักสอนศาสนาชาวฝรั่งเศส ที่มีการนำน้ำองุ่นมาหมัก จนทำให้เกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงจากน้ำตาลไปเป็นแอลกอฮอล์ด้วยยีสต์ แต่ว่าน้ำตาลจะเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์ไม่หมด ทำให้หลังจากที่บ่มทิ้งไว้นั้นจะเกิดการหมักคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น จนได้แชมเปญที่มีฟอง และมีความซาบซ่ากว่าไวน์ และทำให้แชมเปญที่ผลิตมาจากประเทศฝรั่งเศสนั้นขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวาน ละมุน และพรีเมียมไม่เหมือนใคร ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบที่มีความพิถีพิถัน และกรรมวิธีในการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้น ในบทความนี้จึงจะมาแนะนำแชมเปญจากฝรั่งเศสที่ได้รับความนิยมจากนักดื่ม พร้อมแนะนำ Wine Cellar BKK แหล่งจำหน่ายแชมเปญราคาดีที่สุด ที่มีบริการต่างๆ ตอบโจทย์สายดื่มได้อย่างแน่นอน

1. Dom Perignon Rose

แชมเปญราคา

Dom Perignon Rose เป็นแชมเปญราคาดี สัญชาติฝรั่งเศส และผลิตภายใต้แบรนด์แชมเปญชื่อดังอย่าง Moet & Chandon ที่เป็นโรงผลิตแชมเปญที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และมีความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตแชมเปญ โดย Dom Perignon Rose เป็นแชมเปญอีกรุ่นหนึ่งที่เริ่มผลิตในปี ค.ศ. 1921 ที่มีการตั้งชื่อรุ่นตามชื่อ Dom Pierre Pérignon ที่เป็นชื่อของนักบวชคณะเบเนดิกตินที่เป็นผู้บุกเบิกไวน์ และแชมเปญ และ Dom Perignon Rose ก็ได้วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1935 และได้รับความนิยมตั้งแต่เริ่มวางจำหน่าย จนถึงปัจจุบัน โดย Dom Perignon Rose มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความพรีเมียมในทุกหยด ดังนี้

  • วิธีการผลิต Dom Perignon Rose เป็นแชมเปญราคาดีที่มีการใช้องุ่นที่ผ่านการเก็บเกี่ยว และคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน ด้วยการปล่อยให้องุ่นสุกช้าๆ และมีความสุกที่พอดี เพื่อนำมาหมักบ่มในภาชนะเฉพาะ มีการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม และมีหมักบ่มในระยะเวลานานหลายปี เพื่อให้ได้ Dom Perignon Rose ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอม หวาน ละมุนมากกว่าแชมเปญตัวอื่นๆ
  • สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ Dom Perignon Rose ผลิตมาจากองุ่น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Chardonnay และสายพันธุ์ Pinot Noir ที่ผ่านการเพาะปลูก และดูแลอย่างดี เพื่อให้ได้องุ่นที่มีคุณภาพต่อการหมักบ่มแชมเปญมากที่สุด
  • รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น Dom Perignon Rose มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น ที่มีชะเอมเทศ ส้ม และผลไม้ต่างๆ ผสมผสานเข้ากันกับโกโก้ สมุนไพร และเครื่องเทศต่างๆ ทำให้ Dom Perignon Rose มีความหอมหวานของผลไม้อย่างชัดเจน รวมถึงมีทั้งความสดชื่น และความเผ็ดเล็กน้อย เมื่อนักดื่มได้ดื่มเข้าไปนั้นก็จะสัมผัสได้ถึงความครบเครื่อง ครบรส
  • อาหารที่เข้ากัน Dom Perignon Rose เหมาะสำหรับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นอาหารทะเล เช่น ปลา กุ้ง หมึก หอย หรือปู เป็นต้น

  • > ดูสินค้า Dom Perignon Rose เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

    2. Dom Perignon

    แชมเปญราคา

    Dom Perignon เป็นแชมเปญราคาดีที่ถือว่าเป็นแชมเปญฝรั่งเศสที่มีความ Hi-end และมีส่วนผสมที่ดีที่สุด ถูกผลิตขึ้นในปีค.ศ. 1921 และถูกตั้งชื่อตามนักบุญเบเนดิกต์ในศตวรรษที่ 17 “ดง ปีแยร์ เปรีญง” และ Dom Perignon นั้นผ่านกระบวนการผลิตที่มีความละเอียด และพิถีพิถันตั้งแต่การเพาะปลูกองุ่นภายในไร่ กระบวนการหมักบ่ม และการบรรจุ เพื่อให้ได้ Dom Perignon ที่มีความหอม หวาน ละมุน และมีความพรีเมียมที่เป็นเอกลักษณ์ จนทำให้ Dom Perignon มีราคาสูง และเป็นที่ต้องการของนักดื่มเป็นอย่างมาก

  • วิธีการผลิต Dom Perignon เป็นแชมเปญราคาดีที่ใช้วัตถุดิบที่ผ่านกระบวนการเพาะปลูก และเก็บเกี่ยวมาเป็นอย่างดี พร้อมกับผ่านการหมักบ่มในภาชนะพิเศษของทางแบรนด์ และใช้เวลาหมักบ่มนานกว่า 20 ปี
  • สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ Dom Perignon ผลิตมาจากองุ่น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Pinot Noir และสายพันธุ์ Chardonnay ที่มีการใช้อัตราส่วนขององุ่น 2 สายพันธุ์ แบบ 50:50 และ 60:40 ขึ้นอยู่กับองุ่นในแต่ละฤดูกาล
  • รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น Dom Perignon มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวานขององุ่นอย่างชัดเจน ผสมผสานกับลูกพีช และแก่นไม้วานิลลา ทำให้ภาพรวมของ Dom Perignon นั้นมีความหอมหวาน เข้มข้น นุ่มลึก และละมุนไม่เหมือนใคร
  • อาหารที่เข้ากัน Dom Perignon เหมาะสำหรับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นหมึก ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่าง รวมถึงอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นผัก
  •  

    > ดูสินค้า Dom Perignon เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

    3. Louis Roederer Cristal

    แชมเปญราคา

    Louis Roederer Cristal เป็นแชมเปญราคาดีที่ได้รับคะแนนจากนักวิจารณ์ไวน์ Wine & Spirits Magazine in 2002 มากถึง 100/100 คะแนน และเป็นแชมเปญที่ยังได้รับความนิยมอยู่ตลอดเวลา โดย Louis Roederer Cristal  ถูกผลิตขึ้นมาในปีค.ศ. 1876 ที่มีจุดเริ่มต้นมาจาก Tsar Alexander II แห่งพระมหาราชวังในจักรวรรดิรัสเซีย ที่ต้องการแชมเปญที่มีความเรียบหรู สีทองเหลืองสวยงาม และมีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหรูหราไม่เหมือนใคร และเมื่อนำ Louis Roederer Cristal ออกมาวาจำหน่ายให้สามัญชนได้ลิ้มลองกัน ก็ทำให้เป็นที่นิยมตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

  • วิธีการผลิต Louis Roederer Cristal เป็นแชมเปญราคาดีที่ผ่านการหมักบ่ม และเอจจิ้งเป็นระยะเวลานานกว่า 6 ปี และนำมาผ่านกรรมวิธีในการตกตะกอนอีก 8 เดือน แล้วจึงค่อยนำมาบรรจุลงขวด เพื่อให้ได้ Louis Roederer Cristal ที่มีความหอมหวาน นุ่ม ละมุน ไม่เหมือนใคร
  • สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ Louis Roederer Cristal ผลิตมาจากองุ่น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Chardonnay และสายพันธุ์ Pinot Noir ที่ผ่านการเพาะปลูก และเก็บเกี่ยวมาเป็นอย่างดี
  • รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น Louis Roederer Cristal มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวานจากผลไม้ และน้ำผึ้ง ผสมผสานเข้ากันกับความหอมละมุนของดอกไม้ และตัดด้วยความสดชื่นจากผลไม้ตระกูลซิตรัส และเฮเซลนัท
  • อาหารที่เข้ากัน Louis Roederer Cristal เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นอาหารทะเล ปลา หรือไก่ ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการทอด หรือย่าง รวมถึงเห็ดทรัฟเฟิล หรือมันฝรั่งทอด
  •  

    > ดูสินค้า Louis Roederer Cristal เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

    4. Armand de Brignac Brut Gold

    แชมเปญราคา

    Armand de Brignac Brut Gold เป็นแชมเปญราคาดีจากประเทศฝรั่งเศส ที่ได้รับความนิยมจากนักดื่มอย่างแพร่หลาย โดย Armand de Brignac Brut Gold เป็นแชมเปญตัวแรกที่ได้รับการเปิดตัวหลังจากทำการรีแบรนด์ใหม่อีกครั้งในช่วงปี 2006 ที่มาพร้อมกับขวดสีทองจาก André Courréges ดีไซน์เนอร์ชาวรั่งเศส และแกะสลักสัญลักษณ์ Ace of Spades ด้วยมืออย่างประณีต รวมถึงยังเป็นแชมเปญที่มีการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางแบรนด์ เพื่อให้ได้แชมเปญที่มีสีเหลืองทองสวยงาม มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความพรีเมียมเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ Armand de Brignac Brut Gold ได้รับขนานนามว่าเป็นอีกหนึ่งแชมเปญที่ดีที่สุดจากประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย

  • วิธีการผลิต Armand de Brignac Brut Gold เป็นแชมเปญราคาดีที่ผ่านกระบวนการผลิตที่มีการใช้เทคนิคในการหมักบ่ม และขั้นตอนต่างๆ ที่เป็นเทคนิคเฉพาะของตระกูล Cattier ที่ใช้ทีมงานในการผลิตเพียง 18 คนเท่านั้น
  • สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ Armand de Brignac Brut Gold ผลิตมาจากองุ่นทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Chardonnay, สายพันธุ์ Pinot Noir และสายพันธุ์ Pinot Meunier
  • รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น Armand de Brignac Brut Gold มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวานจากผลไม้ต่างๆ อย่างลูกพีช แอปริคอต เรดเบอร์รี และเชอร์รี ผสมผสานกับกลิ่นผลไม้ตระกูลซิตรัสอย่างเลมอน กลิ่นดอกส้ม ที่ให้ความสดชื่น และตัดด้วยกลิ่นวานิลลา กลิ่นน้ำผึ้ง และกลิ่นขนมปังบริยอช ที่ให้ช่วยเพิ่มความหอมอบอวล
  • อาหารที่เข้ากัน เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อปลาที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการย่าง หรืออาหารจำพวกรมควัน
  •  

    > ดูสินค้า Armand de Brignac Brut Gold เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

    5. Krug Grande Cuvee

    แชมเปญราคา

    Krug Grande Cuvee เป็นแชมเปญราคาดีที่ดังในระดับโลก ที่มีความคลาสสิก และเป็นที่นิยมของเหล่านักดื่มที่ทั้งซื้อมาดื่ม และซื้อมาสะสม จนทำให้ Krug Grande Cuvee เป็นแชมเปญที่มีมูลค่าสูงเป็นอย่างมาก โดย Krug Grande Cuvee ได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1843 ที่เมืองไรมส์ ประเทศฝรั่งเศส ที่มี Joseph Krug เป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างแชมเปญที่ดีที่สุด ด้วยการให้ความใส่ใจในการเพาะปลูกองุ่นในไร่แบบทุกตาราง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคำนึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วง จนทำให้ได้ Krug Grande Cuvee ที่ผ่านการออกแบบ และสร้างสรรค์มาอย่างประณีต จนกลายเป็นแชมเปญตัวท็อปอีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

  • วิธีการผลิต Krug Grande Cuvee เป็นแชมเปญราคาดีที่ผ่านหมักบ่มในถังโอ๊คขนาดใหญ่ 205 ลิตร ที่ทำมาจากต้นไม้ในป่า Hautes Futaies ที่มีอายุประมาณ 20 ปี ถังโอ๊คเหล่านี้จะมีอายุการใช้งานเพียง 40 ปีเท่านั้น รวมถึงมีการควบคุมอุณหภูมิ และใช้ระยะเวลาตามเทคนิคของทางแบรนด์ ทำให้ Krug Grande Cuvee มีสีเหลืองทองสวย มีกลิ่น และรสชาติที่เต็มไปด้วยความคลาสสิค
  • สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ Krug Grande Cuvee ผลิตมาจากองุ่นทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Chardonnay, สายพันธุ์ Pinot Noir และสายพันธุ์ Pinot Meunier ที่เป็นสายพันธุ์ยอดนิยมในการนำมาผลิตแชมเปญ
  • รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น Krug Grande Cuvee มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมละมุนของดอกไม้ ความหอมหวานของผลไม้สุก และมีความสดชื่นจากผลไม้ในกลุ่มซิตรัส รวมถึงกลิ่นของผลไม้ตากแห้ง ขนมปังขิง มาร์ซิปาน ฮาเซลนัท นูกาต์ และน้ำตาลที่ทำมาจากข้าวบาร์เลย์ ทำให้มีทั้งความหอมหวานผสมผสานกับความเปรี้ยว และมีความสดชื่นในเวลาเดียวกัน แถมยังมีกลิ่นหอมของน้ำผึ้ง อัลมอนด์ และขนมปังบริยอชแฝงอยู่ด้วย
  • อาหารที่เข้ากัน Krug Grande Cuvee เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักของเนื้อปลา หรืออาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย หมึก หรือปู ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการนึ่ง ย่าง หรือต้ม
  •  

    > ดูสินค้า Krug Grande Cuvee เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

    6. Piper-Heidsieck Rare

    แชมเปญราคา

    Piper-Heidsieck Rare เป็นแชมเปญราคาดีที่มีให้นักดื่มได้เลือกดื่มกัน 2 วินเทจ ได้แก่ 2002 และ 2008 ที่ได้รับรางวัลระดับโลก และได้รับรางวัล Gold จากการประกวดในระดับสากลอย่างมากมาย โดย Piper-Heidsieck Rare 2002 และ 2008 เป็นแชมเปญที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศฝรั่งเศส ภายใต้การผลิตของแบรนด์แชมเปญชื่อดังอย่าง “Piper-Heidsieck” ที่ถูกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1785 ที่มีความเชี่ยวชาญ และมากประสบการณ์ในการผลิตแชมเปญมามากกว่า 230 ปี ที่การันตีด้วยรางวัลระดับสากลอย่างมากมาย และเป็นแชมเปญอีกรุ่นที่ทางแบรนด์ได้นำเข้าถวายพระนางมารี อ็องตัวแน็ต หรือราชินีแห่งฝรั่งเศส และด้วยความพรีเมียมของแชมเปญที่ Piper-Heidsieck ได้ผลิตด้วยความใส่ใจ จึงทำให้ราชินีโปรดปรานเป็นอย่างมาก จนทำให้ Piper-Heidsieck Rare 2002 และ 2008 ได้รับความสนใจจากเหล่าชนชั้นสูงเป็นอย่างมาก และกลายเป็นที่นิยมของเหล่านักดื่มทั่วโลกในช่วงเวลาอันรวดเร็ว

  • วิธีการผลิต Piper-Heidsieck Rare 2002 และ 2008 เป็นแชมเปญราคาดีที่ใช้ระยะเวลาในการหมักบ่มนานมากถึง 7 ปี และผ่านกรรมวิธีในการหมักบ่มอย่างพิถีพิถันตามเทคนิคเฉพาะของทางแบรนด์ ทำให้ Piper-Heidsieck Rare มีความพรีเมียมทั้งในเรื่องของรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นตั้งแต่หยดแรกจนหยดสุดท้าย 
  • สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ Piper-Heidsieck Rare 2002 และ 2008 ผลิตมาจากองุ่น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Chardonnay และสายพันธุ์ Pinot Noir ที่ผ่านการเพาะปลูก และเก็บเกี่ยวมาอย่างพิถีพิถัน
  • รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น Chardonnay และ Pinot Noir มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวานจากผลไม้นานาชนิด อย่างเช่น มะม่วง สับปะรด และกีวี รวมถึงผลไม้แห้ง ตามมาด้วยความหอมละมุนจากขนมปังฝรั่งเศสชนิดต่างๆ และปิดท้ายด้วยความหอมอบอวลของอัลมอนด์ และเฮเซลนัท แฝงด้วยความหอมสดชื่นจากชามิ้นต์ เลมอน และส้ม
  • อาหารที่เข้ากัน Piper-Heidsieck Rare 2002 และ 2008 เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อปลา หรือเนื้อสัตว์ทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู หรือปลาหมึก ที่ผ่านกรรมวิธีในการปรุงสุกด้วยการปิ้ง ย่าง หรือนึ่ง
  •  

    > ดูสินค้า Piper-Heidsieck Rare เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

    7. Ruinart Blanc De Blancs

    แชมเปญราคา

    Ruinart Blanc De Blancs เป็นแชมเปญราคาดี ที่มีทั้งความหรูหรา และมีความเก่าแก่อีกตัวจากฝรั่งเศส โดย Ruinart Blanc De Blancs ถูกผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ Ruinart ที่ Nicolas Ruinart ได้ก่อตั้ง House of Ruinart ขึ้นในปีค.ศ. 1729 และหลังจากที่ก่อตั้งแบรนด์ Ruinart เพียงปีเดียวก็ได้ส่งออก Ruinart Blanc De Blancs ที่เป็นแชมเปญตัวท็อปของทางแบรนด์ในช่วงปี ค.ศ. 1730 และก็ประสบความสำเร็จในการวางจำหน่าย และหลังจากนั้นแบรนด์ Ruinart ที่มีความชื่นชอบในด้านศิลปะ ก็ได้เชิญให้ “อันโฟนส์ มารียา มูคา” ศิลปินจากสาธารณรัฐเช็ก ที่มีความโด่งดังในประเทศฝรั่งเศสในด้านการผลิตผลงานศิลปะแนวนวศิลป์ มาออกแบบงานศิลป์ต่างๆ ของแบรนด์ Ruinart เพื่อให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์นั้นดูมีความเป็นศิลปะ มีความทันสมัย และมีกลิ่นอายของฝรั่งเศสแบบเต็มที่

  • วิธีการผลิต Ruinart Blanc De Blancs เป็นแชมเปญราคาดีที่ผ่านกระบวนการหมักบ่มตามเทคนิคเฉพาะของ Ruinart เป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปี แล้วจึงนำไปเบลนด์กับไวน์วินเทจที่มีอายุ 2 ปี ทำให้ Ruinart Blanc De Blancs มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความพรีเมียม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  • สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ Ruinart Blanc De Blancs มาจากองุ่นสายพันธุ์ Chardonnay เพียงสายพันธุ์เดียวแบบ 100%
  • รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น Ruinart Blanc De Blancs มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่เปิดมาด้วยความนุ่มละมุนของน้ำผึ้ง มีความหอมหวานของลูกพีช และซากุระ พร้อมกับตัดรสชาติด้วยผลไม้รสเปรี้ยวต่างๆ เช่น สับปะรด และเพิ่มความหอมอบอวลด้วยกลิ่นของขนมปังบริยอช เฟรนช์โทสต์ และอัลมอนด์คั่ว และปิดท้ายด้วยพริกไทย และผลไม้ตระกูลซิตรัสที่ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
  • อาหารที่เข้ากัน Ruinart Blanc De Blancs เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อปลา หรืออาหารทะเล
  •  

    > ดูสินค้า Ruinart Blanc De Blancs เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

    8. Bollinger Special Cuvee

    แชมเปญราคา

    Bollinger Special Cuvee เป็นแชมเปญราคาดีที่ถูกผลิตขึ้นในปีค.ศ. 1911 ในแคว้นช็องปาญ ประเทศฝรั่งเศส โดยมี Georges Bollinger เป็นผู้คิดค้น Bollinger Special Cuvee ที่เป็นที่มาของชื่อ Bollinger Special Cuvee ซึ่งในช่วงแรกนั้น Bollinger Special Cuvee ยังไม่มีคำว่า “Special” แต่เพิ่งมาเพิ่มในประมาณช่วง 100 ปีหลัง เพื่อให้คำว่า “Special” ที่นำมาจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษนั้นแสดงถึงความพิเศษของวัฒนธรรม และวิธีการผลิต Bollinger Special Cuvee จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของ Bollinger Special Cuvee ที่ใช้มาจนถึงในปัจจุบัน

  • วิธีการผลิต Bollinger Special Cuvee เป็นแชมเปญราคาดีที่มีการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยว แล้วจึงนำมาคัดเลือกอีกครั้ง เพื่อนำมาหมักบ่มในภาชนะเฉพาะของทางแบรนด์ พร้อมกับควบคุมอุณหภูมิ และหมักบ่มในระยะเวลาที่เหมาะสม
  • สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ Bollinger Special Cuvee ผลิตมาจากองุ่น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Pinot Noir, สายพันธุ์ Chardonnay และ สายพันธุ์ Pinot Meunior
  • รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น Bollinger Special Cuvee มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวานขององุ่น ตามมาด้วยความหอมสดชื่นจากผลไม้สุกชนิดต่างๆ รวมถึงลูกแพร์ ถั่ว และขนมปังปิ้งที่มีส่วนผสมของไข่ และนม ปิดท้ายด้วยรสชาติของเครื่องเทศต่างๆ พร้อมกับผสมผสานกับความความหอมหวานจากลูกพีช และแอปเปิ้ลแบบจางๆ
  • อาหารที่เข้ากัน Bollinger Special Cuvee เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นอาหารทะเล เช่น ปลา กุ้ง ปู ปลาหมึก หรือหอย ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการตุ๋น นึ่ง ต้ม หรือย่าง และอาหารญี่ปุ่น เช่น ซาซิมิ หรือซูชิ เป็นต้น
  •  

    > ดูสินค้า Bollinger Special Cuvee เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

    9. Veuve Clicquot Brut

    แชมเปญราคา

    Veuve Clicquot Brut เป็นแชมเปญราคาดีสุดหรูของชนชั้นสูงแห่งประเทศฝรั่งเศส โดย Veuve Clicquot Brut เป็นแบรนด์แชมเปญที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมในประเทศฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1772 โดยมีมาดามคลีโคต์ (Madame Clicquot) เป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นเจ้าของแบรนด์ และถือว่าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวของประเทศฝรั่งเศสที่สามารถประกอบธุรกิจได้ และที่มาของชื่อ Veuve Clicquot Brut ก็มาจากคำว่า Veuve ที่แปลว่า แม่ม่าย และ Clicquot มาจากชื่อตระกูล เพราะว่ามาดามคลีโคต์นั้นเป็นลูกสะใภ้ของตระกูล Clicquot ที่เป็นแม่ม่ายตั้งแต่อายุ 27 ปี โดยมาดามคลีโคต์นั้นก็มีความมุ่งมั่น และตั้งใจอยากจะผลิตแชมเปญภายใต้วิสัยทัศน์ที่ว่า “Only one quality, the finest” เพื่อให้นักดื่มได้ลิ้มลองแชมเปญคุณภาพในราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ง่าย และเมื่อนำออกวางจำหน่าย ก็ทำให้ Veuve Clicquot ได้รับความนิยมจากนักดื่มอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก

  • วิธีการผลิต Veuve Clicquot Brut เป็นแชมเปญราคาดีที่มีการคัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดี ก่อนจะนำมาหมักบ่มในภาชนะเฉพาะของทาง Veuve Clicquot และจะใช้ระยะเวลาในการหมักบ่มอย่างน้อยประมาณ 30 เดือน พร้อมกับควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม จนได้ Veuve Clicquot Brut ที่สร้างความประทับใจให้นักดื่มแบบไม่รู้ลืม
  • สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ Veuve Clicquot Brut ผลิตมาจากองุ่นทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Pinot Noir, สายพันธุ์ Chardonnay สายพันธุ์ Pinot Meunier ที่ทำการเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่เหมาะสม และมีความสุกกำลังพอดี
  • รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น Veuve Clicquot Brut มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมสดชื่นจากผลไม้ตระกูลซิตรัส ตามมาด้วยความหอมละมุนจากอัลมอนด์ บิสกิต และขนมปังบริยอช และปิดท้ายด้วยความหอมหวานฉ่ำจากพีช ที่ผสมผสานเข้ากันกับเครื่องเทศนานาชนิด ทำให้ภาพรวมของ Veuve Clicquot Brut มีความฟรุ๊ตตี้ นุ่มนวล และละมุนเป็นอย่างมาก
  • อาหารที่เข้ากัน Veuve Clicquot Brut เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อปลา หรืออาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู หอย หรือปลาหมึก ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการนึ่ง อบ หรือย่าง
  •  

    > ดูสินค้า Veuve Clicquot Brut เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

    10. Laurent Perrier Champagne

    แชมเปญราคา

    Laurent Perrier Champagne เป็นแชมเปญราคาดีที่ผลิตภายใต้แบรนด์ Laurent Perrier ที่ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1812 และเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของคุณภาพแชมเปญที่มีความพรีเมียม โดย Laurent Perrier Champagne เป็นอีกหนึ่งรุ่นแชมเปญตัวท็อปของ Laurent Perrier ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะ เพราะว่า Laurent Perrier Champagne ได้ถูกวางจำหน่าย และได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นาน และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถแสดงถึงความเป็นฝรั่งเศสได้อย่างดีเยี่ยม จึงทำให้ Laurent Perrier Champagne ได้รับความนิยมจากนักดื่มอยู่อย่างต่อเนื่อง และเป็นอีก 1 แชมเปญที่มียอดขายดีมาตลอดจนถึงปัจจุบัน

  • วิธีการผลิต  Laurent Perrier Champagne เป็นแชมเปญราคาดีที่ผ่านการหมักบ่มในภาชนะพิเศษของ Laurent Perrier พร้อมกับมีการควบคุมอุณหภูมิ และใช้ระยะเวลาในการหมักบ่มตามเทคนิคของทางแบรนด์ 
  • สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ Laurant Perrier Champagne ผลิตมาจากองุ่นทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Chardonnay, สายพันธุ์ Pinot Noir และสายพันธุ์ Pinot Meunier ที่ผ่านการเพาะปลูกในสภาพดิน น้ำ และอากาศที่มีความอุดมสมบูรณ์ 
  • รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น Laurent Perrier Champagne มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความหอมหวานจากองุ่น 3 สายพันธุ์อย่างชัดเจน ผสมผสานกับความเปรี้ยวจากแอปเปิ้ลเขียว และผลไม้ตระกูลซิตรัส ปิดท้ายด้วยความหอมละมุนจากดอกไมสีขาวที่ทิ้งความหอมอบอวลไว้ภายในปากอย่างยาวนาน
  • อาหารที่เข้ากัน Laurent Perrier Champagne เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นอาหารทะเล เช่น ปลา ปู กุ้ง หอย หรือปลาหมึก เป็นต้น ที่ผ่านกรรมวิธีในการปรุงสุกด้วยการนึ่ง ต้ม หรือย่าง
  •  

    > ดูสินค้า Laurent Perrier Champagne เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

    11. Moet & Chandon Brut Imperial

    แชมเปญราคา

    Moet & Chandon Brut Imperial เป็นแชมเปญราคาดีจากแบรนด์ Moet & Chandon ที่ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1743 ในแคว้นช็องปาญ ประเทศฝรั่งเศส โดย Moet & Chandon Brut Imperial นั้นได้ถือกำเนิดในปีค.ศ. 1896 และมีที่มาของชื่อรุ่นมาจากจักรพรรดินโปเลียน หรือรัฐบุรุษ และผู้นำทหารชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส และผ่านกรรมวิธีในการผลิตที่มีการประยุกต์มาจากวิธีการผลิตไวน์ และแชมเปญมามากกว่า 100 วิธี จนได้ Moet & Chandon Brut Imperial ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่เวลาที่นักดื่มดื่มเข้าไปนั้นจะสามารถสัมผัสได้ถึงความพรีเมียมไม่เหมือนใคร ดังนี้

  • วิธีการผลิต Moet & Chandon Brut Imperial เป็นแชมเปญราคาดีที่ผ่านกรรมวิธีในการผลิตที่เป็นเทคนิคเฉพาะของทางแบรนด์ มีการเก็บเกี่ยว และคัดเลือกองุ่นอย่างพิถีพิถัน ก่อนนำมาเข้ากระบวนการหมักบ่มในระยะเวลาที่เหมาะสม และมีการควบคุมอุณหภูมิเป็นอย่างดี
  • สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ Moet & Chandon Brut Imperial ผลิตมาจากองุ่นขาวที่เป็นที่นิยมทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Pinot Noir, สายพันธุ์ Pinot Meunier และสายพันธุ์ Chardonnay
  • รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่น Moet & Chandon Brut Imperial มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่เปิดมาด้วยความสดชื่นของแอปเปิ้ลเขียว และผลไม้ตระกูลซิตรัส เช่น เลมอน และส้ม ตามมาด้วยความหอมละมุนจากดอกไม้สีขาว ผสมผสานกับความหอมไหม้จากอัลมอนด์ และขนมปังปิ้ง ปิดท้ายด้วยความหอมหวานจากลูกแพร์ และลูกพีช
  • อาหารที่เข้ากัน Moet & Chandon Brut Imperial เหมาะสำหรับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อปลา หรืออาหารทะเล เช่น กุ้ง หมึก หรือหอย ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยการต้ม นึ่ง หรือย่าง
  •  

    > ดูสินค้า Moet & Chandon Brut Imperial เพิ่มเติม คลิก ที่นี่

     

    สำหรับนักดื่มคนไหนที่สนใจอยากจะลิ้มลองแชมเปญจากฝรั่งเศส สามารถหาซื้อแชมเปญ ราคาดี สบายกระเป๋า ได้ที่ Wine Cellar BKK แหล่งนำเข้า และจำหน่ายเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศอย่างครบครัน คัดสรรเครื่องดื่มทุกขวดด้วยความใส่ใจ เพื่อให้นักดื่มได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีคุณภาพดีมากที่สุด การันตีสินค้าทุกขวดเป็นของแท้ 100% พร้อมส่งทันที ไม่ต้องรอพรีออเดอร์ มีบริการจัดส่งทั่วประเทศ ที่ใช้เวลาในการจัดส่งเพียง 1-2 วันเท่านั้น และในกรุงเทพฯ มีจัดส่งด่วนภายใน 30 นาที แพ็คสินค้าเป็นอย่างดี มีการรับประกันสินค้า หากสินค้าได้รับความเสียหายระหว่างการจัดส่ง ทางร้านยินดีเปลี่ยนเป็นขวดใหม่ให้ทันที แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ และมีแอดมินคอยให้คำแนะนำ อยากได้แชมเปญฝรั่งเศสแบบไหน หรือแชมเปญราคาเท่าไหร่ ก็สามารถแจ้งแอดมินได้ เพื่อให้แอดมินได้แนะนำเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์นักดื่มมากที่สุด สอบถาม หรือสั่งซื้อได้เลยที่ Line Official : @winecellar24 ตอบแชทไวภายใน 3 นาที ไม่ต้องรอนาน และรอรับสินค้าที่หน้าบ้านได้เลย

    6. ดูสินค้าแชมเปญรุ่นอื่นๆ ที่ Wine Cellar BKK มีจำหน่าย คลิก > ที่นี่

    Prev Post
    Next Post

    Thanks for subscribing!

    This email has been registered!

    Shop the look

    Choose Options

    Please verify your age

    Recently Viewed

    Edit Option
    Back In Stock Notification
    Terms & Conditions
    What is Lorem Ipsum? Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard dummy text ever since the 1500s, when an unknown printer took a galley of type and scrambled it to make a type specimen book. It has survived not only five centuries, but also the leap into electronic typesetting, remaining essentially unchanged. It was popularised in the 1960s with the release of Letraset sheets containing Lorem Ipsum passages, and more recently with desktop publishing software like Aldus PageMaker including versions of Lorem Ipsum. Why do we use it? It is a long established fact that a reader will be distracted by the readable content of a page when looking at its layout. The point of using Lorem Ipsum is that it has a more-or-less normal distribution of letters, as opposed to using 'Content here, content here', making it look like readable English. Many desktop publishing packages and web page editors now use Lorem Ipsum as their default model text, and a search for 'lorem ipsum' will uncover many web sites still in their infancy. Various versions have evolved over the years, sometimes by accident, sometimes on purpose (injected humour and the like).
    this is just a warning
    Login
    Shopping Cart
    0 items