Couldn't load pickup availability
- Free standard shipping on orders over 10,000 THB
You may return most new, unopened items within 30 days of delivery for a full refund. We'll also pay the return shipping costs if the return is a result of our error (you received an incorrect or defective item, etc.).
You should expect to receive your refund within four weeks of giving your package to the return shipper, however, in many cases you will receive a refund more quickly. This time period includes the transit time for us to receive your return from the shipper (5 to 10 business days), the time it takes us to process your return once we receive it (3 to 5 business days), and the time it takes your bank to process our refund request (5 to 10 business days).
If you need to return an item, simply login to your account, view the order using the "Complete Orders" link under the My Account menu and click the Return Item(s) button. We'll notify you via e-mail of your refund once we've received and processed the returned item.
เมื่อพูดถึงวิสกี้ระดับพรีเมียมที่สะท้อนถึงความพิถีพิถันในการคัดสรร และผสมผสานรสชาติอย่างมีศิลปะ “JOHNNIE WALKER Green Label” คือ หนึ่งในรุ่นที่โดดเด่นไม่แพ้ใครในตระกูล Johnnie Walker ด้วยการผสมผสานมอลต์วิสกี้ 100% จากหลากหลายภูมิภาคในสก็อตแลนด์อย่างลงตัว จนได้เป็นสก็อตช์วิสกี้แบบ Blended Malt ที่ให้รสชาติลึกซึ้ง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โดย JOHNNIE WALKER Green Label ต่างจากวิสกี้รุ่นอื่นๆ ของ Johnnie Walker ที่ส่วนใหญ่มักเป็น Blended Scotch Whisky ซึ่งรวมทั้งมอลต์ และเกรนวิสกี้เข้าด้วยกัน แต่ Green Label กลับเลือกใช้เฉพาะ มอลต์วิสกี้ 100% จากโรงกลั่นชื่อดัง 4 แห่ง ได้แก่ Talisker, Linkwood, Cragganmore และ Caol Ila ซึ่งล้วนแต่มีบุคลิก และรสชาติที่โดดเด่นเฉพาะตัว มาผสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนภายใต้สูตรลับของมาสเตอร์เบลนเดอร์ จนกลายเป็นวิสกี้ที่มีความสมดุล ทั้งกลิ่นพีทอ่อนๆ รสหวานของผลไม้สุก โน้ตไม้โอ๊กจากการบ่ม และสัมผัสเครื่องเทศที่อบอุ่น
จึงทำให้ JOHNNIE WALKER Green Label เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักดื่มที่มองหาวิสกี้ที่มีความหอม เนียน นุ่ม ละมุน และสะท้อนถึงรากเหง้าแห่งสก็อตช์มอลต์อย่างแท้จริง พร้อมกับความซับซ้อนที่สามารถสัมผัสได้ในทุกจิบ ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Wine Cellar BKK ก็จะพานักดื่มทุกคนมาทำความรู้จักกับ JOHNNIE WALKER Green Label กันมากขึ้นว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน พร้อมแนะนำเทคนิคในการดื่มแบบง่ายๆ โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย
“JOHNNIE WALKER Green Label” คือ หนึ่งในรุ่นสำคัญของแบรนด์วิสกี้ระดับโลกอย่าง Johnnie Walker ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเมือง Kilmarnock ประเทศสก็อตแลนด์ โดยเริ่มต้นจาก John Walker พ่อค้าในศตวรรษที่ 19 ที่เริ่มผสมชา และวิสกี้ เพื่อขายในร้านของตัวเอง จนกลายมาเป็นตำนานแห่งการเบลนด์วิสกี้ในภายหลัง
โดย Green Label เปิดตัวครั้งแรกในปี 1997 แต่ว่าในบางตลาดอาจเปิดก่อน หรือหลังเล็กน้อย และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากจุดเด่นที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตระกูล Johnnie Walker ตรงที่ ไม่มีการใช้ Grain Whisky เลย แต่เลือกใช้เฉพาะมอลต์วิสกี้ Pure Malt หรือ Blended Malt จากโรงกลั่นที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน โดยมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าใช้วิสกี้จาก 4 โรงกลั่นหลัก ได้แก่ Talisker, Linkwood, Cragganmore และ Caol Ila ที่ในแต่ละโรงกลั่นนั้นก็จะให้รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่เมื่อนำมาเบลนด์ก็สามาถเข้ากันได้อย่างลงตัว
นอกจากการใช้มอลต์วิสกี้คุณภาพสูงแล้ว ยังมีเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ JOHNNIE WALKER Green Label แตกต่างจากวิสกี้รุ่นอื่นๆ นั่นก็คือ ต้องบ่มไม่น้อยกว่า 15 ปี เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม และมีมิติอย่างแท้จริง ทำให้ Green Label เป็นวิสกี้ที่ได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์ และนักดื่มทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งใน Blended Malt ที่ดีที่สุดในราคาจับต้องได้
อย่างไรก็ตาม JOHNNIE WALKER Green Label เคยถูกยกเลิกการผลิต ไปในช่วงปี 2012 โดยบริษัท Diageo เจ้าของแบรนด์ ต้องการปรับกลยุทธ์ และหันไปโฟกัสกับรุ่นยอดนิยมอย่าง Black, Gold และ Blue Label แต่เสียงเรียกร้องจากแฟนๆ กลับมีอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ Diageo ตัดสินใจนำ Green Label กลับมาวางจำหน่ายอีกครั้งในปี 2016 โดยคงสูตรเดิม และมาตรฐานการผลิตอย่างเคร่งครัด
ซึ่งจุดเด่นของ JOHNNIE WALKER Green Label อยู่ที่ความบาลานซ์ระหว่างความซับซ้อนของรสชาติ ที่ได้จากมอลต์หลากหลายแหล่ง ผสมผสานกับความนุ่มนวลที่เหมาะสำหรับการดื่มเพลินๆ นอกจากนี้ JOHNNIE WALKER Green Label ยังได้รับรางวัลมากมาย อาทิ Double Gold Medal จาก San Francisco World Spirits Competition ที่เป็นเครื่องการันตี และยืนยันถึงคุณภาพระดับโลกของรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี
JOHNNIE WALKER Green Label ถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากที่สุดของแบรนด์ เพราะเป็น Blended Malt Scotch Whisky ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่เป็น Blended Scotch ทั่วไป หรือเรียกง่ายๆ ว่าใช้มอลต์วิสกี้ล้วนๆ ไม่มีเกรนวิสกี้ และมาจาก 4 โรงกลั่นพรีเมียมในสก็อตแลนด์ ทำให้ผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน ซึ่งในแต่ละขั้นตอนนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
การเลือกแหล่งที่มาของมอลต์วิสกี้ สำหรับการผลิต JOHNNIE WALKER Green Label นั้นจะผสมมอลต์จาก 4 แหล่งสำคัญ ได้แก่ Talisker จาก Isle of Skye, Linkwood จาก Speyside Cragganmore จาก Speyside และ Caol Ila จาก Islay และการเลือกแหล่งมอลต์นี้เปรียบเสมือนการเลือกวัตถุดิบชั้นเยี่ยมมาแต่งกลิ่น และบุคลิกให้วิสกี้มีความซับซ้อน และสมดุลมากขึ้น
การกลั่น สำหรับมอลต์จากแต่ละโรงกลั่นจะถูกกลั่นด้วย Pot Still เพื่อคงรสชาติพื้นฐานเฉพาะถิ่นไว้ หลังจากกลั่นเสร็จ จะได้ของเหลวที่เรียกว่า New Make Spirit ซึ่งใส ไม่มีสี และมีความแรงของแอลกอฮอล์สูง จากนั้นก็จะนำเข้าสู่กระบวนการถัดไป
การบ่ม สำหรับมอลต์วิสกี้แต่ละตัวจะถูกนำไปบ่มในถังไม้โอ๊คที่ผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยถังที่ใช้มักเป็นถังอเมริกันโอ๊ค ที่เคยบ่มเบอร์เบินมาก่อน เพื่อให้ได้กลิ่นวานิลลา คาราเมล และไม้โอ๊คหวาน และทั้งหมดจะต้องบ่มไม่น้อยกว่า 15 ปี ซึ่งเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำของรุ่น Green Label
การคัดเลือกวิสกี้เพื่อผสม หลังจากการบ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว Master Blender จะชิม และคัดเลือกมอลต์วิสกี้จากแต่ละแหล่งที่ให้บุคลิกเฉพาะตัว โดยคำนึงถึงความกลมกล่อม ความลึก และสมดุลที่ต้องการจะสื่อผ่าน JOHNNIE WALKER Green Label
การผสม สำหรับมอลต์วิสกี้ทั้ง 4 แหล่งนั้นจะถูกผสมเข้าด้วยกันในสัดส่วนลับเฉพาะที่พัฒนาโดยทีมปรุงของ Johnnie Walker และการผสมนี้ไม่ใช่แค่การรวมรสชาติ แต่เป็นการสร้างโครงสร้างใหม่ที่สมดุล และเสริมกันอย่างลงตัว
การพักรวมรส หลังจากผสมเสร็จแล้ว JOHNNIE WALKER Green Label ที่ได้นั้นจะถูกพักรวมรสในถังไม้โอ๊คอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้กลิ่น รสชาติ และโครงสร้างของแต่ละมอลต์หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว และเป็นขั้นตอนที่จะช่วยให้เนื้อสัมผัสนุ่มละมุน
การบรรจุขวด ขั้นตอนสุดท้ายในการผลิต JOHNNIE WALKER Green Label คือ การกรองเบาๆ และบรรจุขวดในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมการติดฉลากอย่างประณีต เพื่อส่งต่อวิสกี้ระดับพรีเมียมนี้สู่มือนักดื่มทั่วโลก
สำหรับ JOHNNIE WALKER Green Label ถือว่าเป็นวิสกี้ที่สร้างความประทับใจด้วยความหลากหลาย และสมดุลในแต่ละโน้ตรสชาติ ซึ่งเกิดจากการผสมมอลต์ล้วนจากแหล่งพรีเมียมในสก็อตแลนด์ โดยทุกมอลต์ต้องบ่มอย่างน้อย 15 ปี จึงทำให้รสชาติของ Green Label มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร แต่ยังคงดื่มง่ายอย่างน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้เวลาที่นักดื่มดื่มนั้นจะสามารถสัมผัสได้ถึงรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
รสชาติ (Flavor) สำหรับรสชาติของ JOHNNIE WALKER Green Label นั้นจะมีความกลมกล่อมแบบมัลติเลเยอร์ โดยเริ่มต้นด้วยความหวานนุ่มของน้ำผึ้ง และวานิลลา ตามมาด้วยความหอมหวานของผลไม้สุกนานาชนิด รวมถึงลูกพรุน และลูกฟิก เจือจางด้วยควันบางๆ จากมอลต์ Caol Ila และปิดท้ายด้วยไม้โอ๊ค ช็อกโกแลต และสมุนไพรแห้ง ทำให้มีรสชาติที่มีความสมดุลระหว่างความหวานนวล ควัน และรสเค็มจางๆ ที่เข้ากันอย่างลงตัว
รสสัมผัส (Mouthfeel) สำหรับรสสัมผัสของ JOHNNIE WALKER Green Label นั้นจะให้ความรู้สึกหนักแน่น แต่เรียบเนียน นุ่ม และละมุน ด้วยความหนาของเนื้อวิสกี้ที่มาจากการใช้มอลต์ล้วน และการบ่มยาวนาน ทำให้เวลาดื่มจะสัมผัสได้ถึงความลื่นไหล ละมุน และเคลือบลิ้นอย่างนุ่มนวล ส่งผลให้นักดื่มดื่มได้เรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลิน
กลิ่น (Aroma) สำหรับกลิ่นของ JOHNNIE WALKER Green Label นั้นจะเปิดมาด้วยความหอมของผลไม้นานาชนิด เช่น แอปเปิ้ลเขียว ลูกแพร์ และเชอร์รี ตามมาด้วยโน้ตของวานิลลา น้ำผึ้ง และไม้โอ๊คจากถังเบอร์เบิน พร้อมกับแทรกด้วยกลิ่นควันอ่อนๆ และเครื่องเทศ เช่น พริกไทยดำ และอบเชย พร้อมกับปิดท้ายด้วยมีความเค็มจางๆ จากมอลต์ที่มาจาก Islay ทำให้กลิ่นโดยรวมมีความสมดุลระหว่างความหวานสดชื่นกับความอบอุ่น
ด้วยองค์ประกอบของรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของ JOHNNIE WALKER Green Label ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และสะท้อนถึงกลิ่นอายของสก็อตช์วิสกี้ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ JOHNNIE WALKER Green Label เป็นอีกหนึ่งวิสกี้ที่เป็นที่นิยมของนักดื่มวิสกี้ทั่วโลก ดังนั้น ถ้าหากนักดื่มคนไหนอยากจะสัมผัสถึงความพรีเมียม และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ JOHNNIE WALKER Green Label ในราคาสบายกระเป๋า ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Celler BKK ที่มี JOHNNIE WALKER Green Label พร้อมส่งทันที ไม่ต้องรอพรีออเดอร์ ของแท้ 100% ราคาดีที่สุด จัดส่งไวให้ถึงหน้าบ้าน สั่งซื้อได้ที่ Line Official : @winecellar24 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการดื่ม JOHNNIE WALKER Green Label ให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้นั้นไม่ใช่แค่การเทลงแก้วแล้วจิบ แต่จะต้องให้ความสำคัญกับขั้นตอนต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ในการดื่มให้ดีเยี่ยม และสามารถดื่มด่ำกับรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งในแต่ละเทคนิคในการดื่ม JOHNNIE WALKER Green Label ที่นักดื่มสามารถทำตามได้ง่ายๆ มีดังนี้
วิธีการเสิร์ฟ สำหรับวิธีการเสิร์ฟ และดื่มของ JOHNNIE WALKER Green Label นั้นมีให้เลือกหลากหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น
เสิร์ฟแบบ Neat เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสกลิ่นอายดั้งเดิมของ Green Label ด้วยการเทประมาณ ⅓ ลงในแก้ว Glencairn หรือแก้ว Tumbler แล้วพักทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้สัมผัสกับอากาศ ที่จะช่วยเปิดกลิ่นหอมให้ชัดเจนมากขึ้น
เสิร์ฟแบบ On the Rocks เป็นวิธีการเสิร์ฟที่จะใส่น้ำแข็งเพียง 1-2 ก้อนเท่านั้น เพื่อให้น้ำแข็งเจือจางความเข้มข้นเล็กน้อย ที่ทำให้ดื่มง่ายมากขึ้น และมีความสดชื่นเล็กน้อย
เสิร์ฟแบบ With Water เป็นวิธีการเสิร์ฟที่จะหยดน้ำสะอาดประมาณ 1-2 หยดลงไป เพื่อช่วยเปิดกลิ่นที่ซ่อนอยู่ และลดระดับความแรงของแอลกอฮอล์
วิธีการดื่ม ควรทำการดื่ม JOHNNIE WALKER Green Label ที่เริ่มจากการหมุนแก้วเบาๆ เพื่อให้วิสกี้สัมผัสกับอากาศมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเผยกลิ่นหอมชัดเจนขึ้น หลังจากนั้นให้ทำการสูดดมเล็กน้อย แล้วค่อยๆ จิบทีละเล็กน้อย พร้อมกับกลั้วในปากเบาๆ สักครู่ เพื่อสัมผัสทั้งกลิ่นควัน ไม้ และผลไม้ แล้วจึงค่อยๆ กลืน เพื่อให้กลิ่นที่ค้างในลำคอชัดขึ้นอีกระดับ และทิ้งท้ายไว้อย่างยาวนาน
วิธีการจับคู่อาหาร ควรทำการจับคู่ JOHNNIE WALKER Green Label กับอาหารที่เป็นเมนูประเภทเนื้อย่าง หรือรมควัน เช่น สเต็กเนื้อ แฮม เบคอน ซี่โครงย่างบาร์บีคิว หรือเนื้อย่าง หรือเมนูที่มีส่วนประกอบของชีสเนื้อแข็ง และขนมหวานอย่างช็อคโกแลต หรือถั่ว และธัญพืชต่างๆ เป็นต้น
วิธีการเก็บรักษา ควรทำการเก็บรักษา JOHNNIE WALKER Green Label ไว้ในที่แห้ง เย็น และมีอุณหภูมิคงที่ประมาณ 15 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง และอย่าวางใกล้แหล่งความร้อน ควรตั้งขวดในแนวตั้งเสมอ เพราะแอลกอฮอล์สามารถกัดกร่อนจุกปิดขวดได้หากสัมผัสโดยตรงเป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้สูญเสียความแน่นของฝา และเกิดการระเหยได้ ถ้าหากเปิดแล้วดื่มไม่หมด ควรปิดฝาให้แน่น และควรบริโภคภายใน 1-2 ปี เพื่อรักษารสชาติ และกลิ่นให้ดีที่สุด
สำหรับนักดื่มที่กำลังอยากจะซื้อ JOHNNIE WALKER Green Label ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Cellar BKK แหล่งนำเข้า และแหล่งจำหน่ายเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีบริการแอดมินให้คำแนะนำสินค้าอย่างมืออาชีพ อยากได้ไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน หรืออยากได้เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อยากได้ยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ มีงบประมาณเท่าไหร่ ซื้อดื่มเอง หรือซื้อเป็นของขวัญ ก็สามารถแจ้งแอดมินได้ เพื่อให้แอดมินแนะนำเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์กับความต้องการของนักดื่มมากที่สุด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้เลยที่
Website : www.winecellarbkk.com หรือ คลิก ที่นี่
โดยที่ Wine Cellar BKK มีเครื่องดื่มให้นักดื่มได้เลือกสรรกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว แชมเปญ สปาร์คกลิ้งไวน์ คอนญัก วิสกี้ หรือเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีให้เลือกซื้อกันอย่างครบครัน การันตีสินค้าทุกขวดเป็นของแท้ 100% ผ่านการคัดสรรเครื่องดื่มทุกขวดด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน และการันตีว่าจำหน่ายในราคาดีที่สุดในตลาด เพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า และให้นักดื่มเข้าถึงเครื่องดื่มขวดโปรดได้ในราคาย่อมเยา มาพร้อมกับบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้าน ที่มีให้นักดื่มได้เลือกใช้ทั้งบริการจัดส่งสินค้าด่วนภายในกทม. ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 1-2 วัน สามารถสั่งซื้อเครื่องดื่มกับ Wine Cellar BKK ได้ง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา แพ็คสินค้าทุกออเดอร์เป็นอย่างดี มีการรับประกันสินค้าระหว่างการจัดส่ง หากสินค้าได้รับความเสียหาย แตก หัก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ที่เกิดจากการจัดส่ง ทางร้านยินดีเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นขวดใหม่ให้ทันที แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อสร้างความประทับใจในการเลือกซื้อไวน์กับเราตลอดการบริการ
Thanks for subscribing!
This email has been registered!