Free standard shipping on orders over 10,000 THB
Couldn't load pickup availability
- Free standard shipping on orders over 10,000 THB
You may return most new, unopened items within 30 days of delivery for a full refund. We'll also pay the return shipping costs if the return is a result of our error (you received an incorrect or defective item, etc.).
You should expect to receive your refund within four weeks of giving your package to the return shipper, however, in many cases you will receive a refund more quickly. This time period includes the transit time for us to receive your return from the shipper (5 to 10 business days), the time it takes us to process your return once we receive it (3 to 5 business days), and the time it takes your bank to process our refund request (5 to 10 business days).
If you need to return an item, simply login to your account, view the order using the "Complete Orders" link under the My Account menu and click the Return Item(s) button. We'll notify you via e-mail of your refund once we've received and processed the returned item.
ถ้าหากพูดถึงโลกของไวน์ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง และการค้นหาความลงตัวระหว่างประเพณีกับนวัตกรรม ก็มีไวน์หนึ่งรุ่นที่ถูกยกให้เป็นตัวแทนของการบรรจบกันระหว่าง "โลกเก่า" และ "โลกใหม่" ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือ “Escudo Rojo” ไวน์แดงระดับพรีเมียมที่ถือกำเนิดขึ้นจากความร่วมมือของสองวัฒนธรรมการผลิตไวน์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
โดย Escudo Rojo เป็นไวน์ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1999 จากผู้ผลิตไวน์ระดับตำนานแห่งบอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส ที่มีประสบการณ์ และชื่อเสียงยาวนานในการผลิตไวน์คุณภาพสูงระดับโลก และการสร้างไวน์ในประเทศชิลี ซึ่งเป็นดินแดนแห่งศักยภาพใหม่ของวงการไวน์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เป็นการขยายอาณาจักรที่มาพร้อมวิสัยทัศน์อันล้ำลึก ด้วยแนวคิดว่า “ดินแดนใหม่สามารถผลิตไวน์ระดับโลกได้ หากนำศิลปะแห่งไวน์ฝรั่งเศสมาผสมผสานอย่างประณีต”
จึงทำให้ไวน์ Escudo Rojo เป็นมากกว่าแค่การผลิตไวน์ในต่างแดน เพราะทุกขวดถูกรังสรรค์ภายใต้หลักการเดียวกับไวน์จาก Château Mouton Rothschild ที่ส่งผลให้ได้ไวน์ที่มีความซับซ้อน และมีมิติที่หลากหลาย ทั้งความสดของไวน์โลกใหม่ และความลุ่มลึกละเอียดแบบไวน์ฝรั่งเศส ทำให้ Escudo Rojo จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของไวน์ยุคใหม่ที่ยังเคารพรากเหง้า สะท้อนความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของอุตสาหกรรมไวน์ในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างลงตัว
ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Wine Cellar BKK จึงจะพานักดื่มทุกคนมาทำความรู้จักกับ Escudo Rojo ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นเป็นแบบไหน ทำไมถึงครองใจสายดื่มไวน์โลกใหม่มาได้กว่า 25 ปี พร้อมแนะนำเทคนิคการดื่มแบบง่ายๆ ที่ช่วยให้สายดื่มสัมผัสถึงกลิ่นอายของไวน์ชิลีได้อย่างเต็มที่ โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย!
สำหรับในโลกของไวน์ มีเพียงไม่กี่แบรนด์ที่สามารถเชื่อมโยงเสน่ห์ของไวน์โลกเก่าเข้ากับความกล้าได้ลองสิ่งใหม่ของไวน์โลกใหม่ได้อย่างกลมกลืน “Escudo Rojo” ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการผสมผสานวัฒนธรรมไวน์ระหว่างประเทศฝรั่งเศส และประเทศชิลี ที่เริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 1999 โดยมีจุดกำเนิดมาจากตระกูล Rothschild อันยิ่งใหญ่แห่งบอร์กโดซ์ ผู้ซึ่งมีความตั้งใจในการสร้างสรรค์ไวน์คุณภาพเยี่ยมในดินแดนซีกโลกใต้ที่มีศักยภาพสูงทางการผลิตไวน์
โดยชื่อ “Escudo Rojo” มาจากภาษาสเปนที่แปลว่า “Red Shield” ซึ่งหมายถึง “โล่แดง” สัญลักษณ์ประจำตระกูล Rothschild ที่ถูกนำมาใช้เป็นชื่อแบรนด์ เพื่อสะท้อนถึงจิตวิญญาณดั้งเดิมของฝรั่งเศส ผสมผสานเข้ากับพลังแห่งดินแดนใหม่ของชิลี ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ความสง่างามแบบฝรั่งเศสในดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัยของไวน์”
โดย Escudo Rojo ถือเป็นไวน์แดงระดับพรีเมียมจากประเทศชิลี ที่เกิดจากการขยายอาณาจักรของแบรนด์ไวน์ชื่อดังจากฝรั่งเศส คือ Baron Philippe de Rothschild ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลไวน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก และตระกูล Rothschild เป็นเจ้าของไวน์ระดับ Grand Cru Classé อย่าง Château Mouton Rothschild จากเขต Pauillac ในบอร์กโดซ์ และเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา ความพิถีพิถัน และความสมบูรณ์แบบในโลกของไวน์
และในปี ค.ศ. 1999 Baroness Philippine de Rothschild ลูกสาวของ Baron Philippe ได้ก่อตั้งแบรนด์ Escudo Rojo ขึ้นในชิลี เพื่อสร้างไวน์ที่ผสมผสานความประณีตแบบฝรั่งเศสเข้ากับธรรมชาติ และภูมิอากาศของโลกใหม่อย่างชิลี โดยเธอเลือก Maipo Valley ซึ่งเป็นแหล่งปลูกองุ่นที่มีชื่อเสียงของประเทศชิลี เป็นพื้นที่ผลิตไวน์ ด้วยภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน แสงแดดจัด อุณหภูมิต่างกันระหว่างกลางวัน และกลางคืน และดินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ Maipo Valley เป็นแหล่งปลูกองุ่นที่เหมาะอย่างยิ่งต่อการผลิตไวน์คุณภาพเยี่ยม ทำให้จุดเด่นของ Escudo Rojo อยู่ที่การคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นอย่างพิถีพิถัน โดยจะผสมผสานพันธุ์องุ่นหลากหลาย เช่น Cabernet Sauvignon, Carmenère (องุ่นประจำชาติของชิลี), Syrah, Merlot และในบางรุ่นอาจมี Petit Verdot หรือ Cabernet Franc ผสมผสานเข้ามาด้วย
นอกจากนั้นก็ยังมีสิ่งที่ทำให้ Escudo Rojo มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ การใช้เทคนิคการหมัก และบ่มที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถังโอ๊คฝรั่งเศสในการบ่ม เพื่อเพิ่มกลิ่นวานิลลา และเครื่องเทศ หรือการควบคุมอุณหภูมิในการหมักให้ได้รสสัมผัสที่สมดุล ทั้งยังใส่ใจในรายละเอียดของทุกขั้นตอนตั้งแต่การเก็บเกี่ยวด้วยมือไปจนถึงการบรรจุขวด และการถือกำเนิดของ Escudo Rojo คือ จุดเปลี่ยนสำคัญที่พิสูจน์ว่าแบรนด์ไวน์ฝรั่งเศสสามารถประสบความสำเร็จนอกบ้านเกิดได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยยกระดับไวน์ชิลีให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น และยังแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานทางวัฒนธรรม และเทคนิคที่ลงตัวระหว่างสองซีกโลกในขวดเดียว
สำหรับกระบวนการผลิตไวน์ Escudo Rojo เป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์การทำไวน์แบบดั้งเดิมของฝรั่งเศสกับทรัพยากรทางธรรมชาติของชิลีอย่างลงตัว โดยกระบวนการผลิตนั้นจะมีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกองุ่นไปจนถึงการบรรจุขวด ซึ่งในแต่ละขั้นตอนนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
การเลือกทำเล และปลูกองุ่น สำหรัลไร่องุ่นของ Escudo Rojo นั้นตั้งอยู่ในหุบเขา Maipo ของประเทศชิลี ซึ่งมีดินภูเขาไฟ ระบายน้ำดี และอุณหภูมิกลางวัน-กลางคืนแตกต่างกันสูง เหมาะแก่การปลูกองุ่นสายพันธุ์พรีเมียม เช่น Cabernet Sauvignon, Carmenère, Syrah และ Merlot รวมถึงมีการเลือกแปลงที่มีความสมดุลระหว่างแสงแดด ความสูงจากระดับน้ำทะเล และการจัดการไร่อย่างประณีต เพราะว่าสามารถส่งผลต่อคุณภาพของผลผลิตได้
การเก็บเกี่ยว สำหรับองุ่นนั้นจะถูกเก็บด้วยมือในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด โดยทีมงานจะตรวจสอบระดับความหวาน กรด และความสมบูรณ์ของผลอย่างละเอียด และการเก็บด้วยมือนั้นจะช่วยป้องกันความเสียหายของผลองุ่น และช่วยคัดแยกผลไม่สมบูรณ์ออกได้ทันที
การคัดแยก และบดองุ่น หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วก็จะมีการคัดแยกอีกครั้งก่อนส่งเข้ากระบวนการบด เพื่อแยกน้ำองุ่นออกจากเปลือก และเมล็ด โดยการคัดแยกนี้จะใช้เครื่อง Optical Sorter หรือทำด้วยมือ เพื่อให้ได้แต่วัตถุดิบคุณภาพสูงสุดเท่านั้น
การหมัก สำหรับขั้นตอนการหมักนั้นจะใช้อุณหภูมิควบคุมอย่างเข้มงวด โดยหมักในถังสแตนเลส หรือถังไม้โอ๊ค และอุณหภูมิที่ใช้จะอยู่ระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส เพื่อให้ได้กลิ่นผลไม้ที่ชัดเจน และโครงสร้างไวน์ที่สมดุล อีกทั้งยังมีการจุ่มเปลือกองุ่น หรือที่เรียกว่า Pumping over เพื่อสกัดสี กลิ่น และแทนนินได้อย่างทั่วถึง
การกด และแยกกาก เมื่อการหมักเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะนำกากองุ่นออกจากน้ำไวน์ แล้วกดเอาน้ำที่เหลือออกมา และน้ำไวน์นี้อาจถูกนำมารวมกัน หรือแยกเก็บไว้ต่างหาก แล้วแต่คุณภาพ และการตัดสินใจของทางทีมงานผู้ผลิต
การบ่มในถังไม้โอ๊ค สำหรับ Escudo Rojo นั้นจะผ่านการบ่มในถังไม้โอ๊คฝรั่งเศสเป็นระยะเวลาระหว่าง 6–12 เดือนขึ้นอยู่กับแต่ละวินเทจ เพื่อเพิ่มความซับซ้อน กลิ่นเครื่องเทศ วานิลลา และสร้างเนื้อสัมผัสที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
การบรรจุขวด และพักไวน์ เมื่อบ่มเสร็จแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก่อนวางจำหน่ายนั้นก็จะทำการกรองอย่างพิถีพิถันก่อนบรรจุขวด และไวน์จะถูกพักในขวดอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นนั้นสมบูรณ์แบบ และพร้อมดื่มในเวลาที่เหมาะสมก่อนออกวางจำหน่ายสู่ตลาด
สำหรับ Escudo Rojo เป็นไวน์ที่สะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างเทคนิคไวน์ฝรั่งเศสกับผลผลิตจากดินแดนชิลีได้อย่างลงตัว และกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทั้งนักดื่มไวน์มือใหม่ มือโปร และเหล่านักสะสมไวน์ต่างชื่นชมกันทั่วโลก ทำให้เวลาที่นักดื่มดื่มนั้นจะสามารถสัมผัสได้ถึงรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
รสชาติ (Flavor) สำหรับรสชาติของ Escudo Rojo นั้นจะมีความหอมหวานของผลไม้สีเข้มอย่างชัดเจน เช่น แบล็กเคอร์แรนท์ แบล็กเชอร์รี ลูกพรุน และบลูเบอร์รี ตามมาด้วยความหอมละมุนของวานิลลาไม้โอ๊ค และช็อกโกแลต และปิดท้ายด้วยชะเอม และสมุนไพรนานาชนิดที่ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
รสสัมผัสในปาก (Mouthfeel) สำหรับรสสัมผัสของ Escudo Rojo นั้นจะเป็นแบบ Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และ Acidity หรือความเป็นกรดสูง ทำให้มีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม พร้อมความแน่นของแทนนินแบบละเอียด ทำให้ไวน์รู้สึกเต็มปาก และหนักแน่นโดยไม่ทำให้ลิ้นรู้สึกหยาบ อีกทั้งยังมีความกลมกล่อม และความนุ่มลึกของรสชาติที่เผยออกมาทีละชั้น ทำให้ไวน์มีมิติมากยิ่งขึ้น
กลิ่น (Aroma) สำหรับกลิ่นของ Escudo Rojo นั้นจะมีความหอมของกลิ่นผลไม้สุกสีเข้มอย่างชัดเจน ตามด้วยกลิ่นรองจากการบ่มในถังไม้โอ๊ค เช่น วานิลลา เครื่องเทศ ไม้โอ๊ค ใบยาสูบแห้ง หนังสัตว์ และกลิ่นควัน และถ้าหากพักไว้ในแก้วสักระยะ ก็จะเผยโน้ตของมอคค่า กาแฟ และพริกไทยดำออกมาด้วย
ถึงแม้ว่า Escudo Rojo นั้นจะมีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่นักดื่มสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่จิบแรก แต่ถ้าหากนักดื่มให้ความสำคัญกับวิธีการเสิร์ฟ การดื่ม การจับคู่อาหาร และการเก็บรักษา ก็จะช่วยให้นักดื่มสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของไวน์แดงชิลีได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในแต่ละวิธีนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
วิธีการเสิร์ฟ ควรทำการเสิร์ฟ Escudo Rojo ในอุณหภูมิ 16-18 องศาเซลเซียส หรือเย็นกว่านี้อีก 1-12 องศาเซลเซียส เพื่อให้กลิ่น และรสชาติเผยออกอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าหากเสิร์ฟเย็นเกินไป อาจทำให้รสชาติของไวน์ขาดมิติได้ และถ้าหากเสิร์ฟอุ่นเกินไป อาจทำให้กลิ่นแอลกอฮอล์เด่นเกินไปได้ และก่อนทำการเสิร์ฟนั้นควรทำการเปิดขวดไวน์ล่วงหน้าประมาณ 30-60 นาที เพื่อให้ไวน์ได้หายใจ หรือทำการดีแคนต์ ด้วยการรินลงในดีแคนเตอร์ เพื่อให้ไวน์สัมผัสกับออกซิเจนมากขึ้น รวมถึงควรเลือกใช้แก้วไวน์บอร์กโดซ์ หรือแก้วไวน์ที่มีปากกว้าง เพื่อให้ไวน์ได้หายใจ และช่วยทำให้กลิ่นกระจายออกมาได้เต็มที่
วิธีการดื่ม ควรทำการดื่ม Escudo Rojo ที่เริ่มจากการหมุนแก้วไวน์เบาๆ เพื่อให้ไวน์สัมผัสกับอากาศอย่างทั่วถึง และช่วยให้กลิ่นหอมเผยออกมาชัดเจน หลังจากนั้นให้ทำการสูดดมกลิ่น เพื่อสัมผัสถึงกลิ่นหอมที่ค่อยๆ เผยออกมาทีละชั้น แล้วจึงค่อยทำการจิบช้าๆ ทีละเล็กน้อย พร้อมกับกลั้วไวน์เบาๆ ให้ทั่วทั้งปาก เพื่อให้สัมผัสถึงรสชาติต่างๆ และค่อยๆ กลืน เพื่อรับรู้ถึงรายละเอียดที่ทิ้งท้ายไว้ภายในปากอย่างยาวนาน
วิธีการจับคู่อาหาร ควรทำการจับคู่ Escudo Rojo กับอาหารประเภทเนื้อแดงย่าง เช่น สเต๊กเนื้อริบอาย หรือวากิว หรือเมนูอาหารฝรั่งเศสคลาสสิก เช่น ไก่ตุ๋นไวน์แดง กงฟีเป็ด หรือ เบอฟาลาบูร์กีญอน (เนื้อวัวตุ๋นไวน์แดง) รวมถึงเมนูเนื้อแกะ หรือซี่โครงแกะย่าง และเมนูอาหารที่มีส่วนประกอบของชีสต่างๆ ก็สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี
วิธีการเก็บรักษา ควรทำการเก็บรักษา Escudo Rojo ไว้ในที่มืด ไม่มีแสงแดด และมีอุณหภูมิคงที่ประมาณ 12-15 องศาเซลเซียส พร้อมกับวางขวดไว้ในแนวนอน เพื่อให้จุกคอร์กชุ่มชื้น ไม่แห้ง และไม่หดตัว ที่ช่วยป้องกันการรั่วซึมของอากาศ และป้องกันการเสื่อมสภาพของไวน์ และถ้าหากเปิดขวดแล้ว และดื่มไม่หมด ให้ทำการปิดด้วยจุกสูญญากาศ หรือจุกไวน์ แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น และควรดื่มให้หมดภายใน 2-3 วัน เพื่อรักษากลิ่น และรสชาติไว้ให้ดีที่สุด
สำหรับนักดื่มที่กำลังอยากจะซื้อ Escudo Rojo ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Cellar BKK แหล่งนำเข้า และแหล่งจำหน่ายเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีบริการแอดมินให้คำแนะนำสินค้าอย่างมืออาชีพ อยากได้ไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน หรืออยากได้เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อยากได้ยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ มีงบประมาณเท่าไหร่ ซื้อดื่มเอง หรือซื้อเป็นของขวัญ ก็สามารถแจ้งแอดมินได้ เพื่อให้แอดมินแนะนำเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์กับความต้องการของนักดื่มมากที่สุด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้เลยที่
Line Official : @wincellar24
Website : www.winecellarbkk.com หรือ คลิก ที่นี่
โดยที่ Wine Cellar BKK มีเครื่องดื่มให้นักดื่มได้เลือกสรรกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว แชมเปญ สปาร์คกลิ้งไวน์ คอนญัก วิสกี้ หรือเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีให้เลือกซื้อกันอย่างครบครัน การันตีสินค้าทุกขวดเป็นของแท้ 100% ผ่านการคัดสรรเครื่องดื่มทุกขวดด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน และการันตีว่าจำหน่ายในราคาดีที่สุดในตลาด เพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า และให้นักดื่มเข้าถึงเครื่องดื่มขวดโปรดได้ในราคาย่อมเยา มาพร้อมกับบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้าน ที่มีให้นักดื่มได้เลือกใช้ทั้งบริการจัดส่งสินค้าด่วนภายในกทม. ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 1-2 วัน สามารถสั่งซื้อเครื่องดื่มกับ Wine Cellar BKK ได้ง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา แพ็คสินค้าทุกออเดอร์เป็นอย่างดี มีการรับประกันสินค้าระหว่างการจัดส่ง หากสินค้าได้รับความเสียหาย แตก หัก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ที่เกิดจากการจัดส่ง ทางร้านยินดีเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นขวดใหม่ให้ทันที แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อสร้างความประทับใจในการเลือกซื้อไวน์กับเราตลอดการบริการ
Thanks for subscribing!
This email has been registered!