Couldn't load pickup availability
- Free standard shipping on orders over 10,000 THB
You may return most new, unopened items within 30 days of delivery for a full refund. We'll also pay the return shipping costs if the return is a result of our error (you received an incorrect or defective item, etc.).
You should expect to receive your refund within four weeks of giving your package to the return shipper, however, in many cases you will receive a refund more quickly. This time period includes the transit time for us to receive your return from the shipper (5 to 10 business days), the time it takes us to process your return once we receive it (3 to 5 business days), and the time it takes your bank to process our refund request (5 to 10 business days).
If you need to return an item, simply login to your account, view the order using the "Complete Orders" link under the My Account menu and click the Return Item(s) button. We'll notify you via e-mail of your refund once we've received and processed the returned item.
“JOHNNIE WALKER Double Black” คือ วิสกี้ระดับพรีเมียมที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักดื่มที่ชื่นชอบรสชาติที่เข้มข้น ลุ่มลึก และโดดเด่นกว่าเดิม ด้วยความตั้งใจของผู้ผลิตที่ต้องการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่ “เข้มกว่า ดำกว่า และลึกกว่า” เวอร์ชันต้นตำรับอย่าง JOHNNIE WALKER Black Label จึงเกิดเป็น Double Black ที่ยกระดับทุกมิติของรสชาติขึ้นไปอีกขั้น ถึงแม้จะอยู่ภายใต้ตระกูลเดียวกันกับ Black Label แต่ JOHNNIE WALKER Double Black มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจน ด้วยการคัดสรรวิสกี้ที่มีลักษณะรมควันสูงจากพื้นที่ตะวันตกของสก็อตแลนด์ เช่น Islay และ Highland ผสานกับการบ่มในถังไม้โอ๊คที่ผ่านการเผาไหม้แรงกว่าปกติ ทำให้ได้กลิ่นควันชัดเจน รสชาติเข้มข้น และสัมผัสของเครื่องเทศอย่างลงตัว
ทำให้ Double Black ไม่ใช่วิสกี้สำหรับผู้เริ่มต้น แต่เหมาะสำหรับนักดื่มที่ต้องการความซับซ้อนในรสชาติ และกลิ่น โดยเฉพาะผู้ที่หลงใหลในรสชาติที่มีความเป็นสโมคกี้ และความลึกของโอ๊คแบบคลาสสิก และจุดเด่นที่ทำให้ Double Black น่าสนใจ คือ ความสามารถในการรักษาสมดุลของรสชาติระหว่างความหวานนุ่มของมอลต์ และความเผ็ดร้อนลึกของไม้โอ๊คได้อย่างน่าทึ่ง ส่งผลให้การเปิดตัวของ Double Black ถือเป็นอีกหนึ่งการเคลื่อนไหวสำคัญของแบรนด์ JOHNNIE WALKER ที่ต้องการสะท้อนถึงความกล้าคิด กล้าทำ และการปรับตัวเพื่อให้ตอบโจทย์นักดื่มรุ่นใหม่ที่ต้องการความแปลกใหม่ ทั้งหมดนี้ทำให้ Double Black กลายเป็นหนึ่งในซิงเกิลมอลต์เบลนด์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Wine Cellar BKK ก็จะพานักดื่มทุกคนมาทำความรู้จักกับ JOHNNIE WALKER Double Black กันมากขึ้นว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน พร้อมแนะนำเทคนิคในการดื่มแบบง่ายๆ โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย
“JOHNNIE WALKER Double Black” ถือกำเนิดขึ้นในฐานะหนึ่งในนวัตกรรมของแบรนด์วิสกี้ระดับโลกอย่าง JOHNNIE WALKER ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากสก็อตแลนด์ และอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Diageo บริษัทสุราระดับโลกที่ถือครองแบรนด์แอลกอฮอล์ระดับพรีเมียมมากมาย โดย Double Black ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการในปี 2011 หลังจากที่มีการเปิดตัวแบบจำกัดจำนวนใน Duty Free ในช่วงปี 2010 และได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม จนกลายมาเป็นหนึ่งในไลน์การผลิตหลักของ JOHNNIE WALKER ในเวลาต่อมา
โดยจุดเริ่มต้นของ Double Black เกิดจากความตั้งใจของทีมมาสเตอร์เบลนเดอร์ของ JOHNNIE WALKER ที่ต้องการสร้างสรรค์วิสกี้ที่สามารถยกระดับความเข้มข้นของ JOHNNIE WALKER Black Label ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยใช้ฐานของ Black Label เป็นจุดเริ่มต้น และเพิ่มความลึกในรสชาติด้วยวิธีการที่แปลกใหม่ เช่น การเลือกใช้สก็อตช์วิสกี้ที่รมควันจัด และมีกลิ่นถ่านไม้อย่างเด่นชัด รวมถึงการบ่มในถังไม้โอ๊คที่ผ่านการเผาไหม้ลึก ทำให้ได้กลิ่นโอ๊คเข้ม รมควัน และเผ็ดร้อนกว่าเวอร์ชันต้นตำรับ
และในแง่ของการผลิต Double Black ยังคงยึดหลักการเบลนด์วิสกี้ที่เป็นเอกลักษณ์ของ JOHNNIE WALKER โดยรวบรวมมอลต์วิสกี้จากหลายภูมิภาคของสก็อตแลนด์ เช่น Islay ซึ่งเป็นแหล่งที่ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นควัน และความเป็น peat ที่เข้มข้น รวมถึง Speyside ที่มอบความหวาน และความซับซ้อนให้แก่ตัววิสกี้ ทำให้การเลือกสรร และการเบลนด์นี้ไม่ได้ทำเพื่อเพียงความแปลกใหม่ แต่เน้นความกลมกล่อม และสมดุลในรสชาติอย่างแท้จริง
ซึ่งจุดเด่นของ JOHNNIE WALKER Double Black อยู่ตรงที่กลิ่น และรสชาติที่ “เข้มกว่า” ทุกมิติ เมื่อเปรียบเทียบกับ Black Label โดยมีทั้งกลิ่นถ่านไม้ กลิ่นสโมค กลิ่นเครื่องเทศ และความเผ็ดปลายลิ้นในแบบที่ชัดเจนกว่า แต่ไม่รุนแรงจนเกินไป ดื่มง่าย แต่มีความนุ่มลึก เข้มข้น และด้วยความพรีเมียมเฉพาะตัว จึงทำให้ Double Black ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามตั้งแต่ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคให้ความสนใจกับรสชาติที่มีความจัดจ้าน และแสวงหาความแปลกใหม่ที่ยังคงคุณภาพแบบพรีเมียม และหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2011 Double Black ก็กลายเป็นหนึ่งในสินค้าขายดีของ JOHNNIE WALKER และเป็นแรงบันดาลใจให้กับการผลิตวิสกี้รุ่นพิเศษอื่นๆ ที่กล้าทดลองกับรสชาติ และกลิ่นอย่างสร้างสรรค์
ดังนั้น JOHNNIE WALKER Double Blackk จึงไม่เพียงแค่เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ในไลน์ของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงทิศทางใหม่ของวิสกี้ร่วมสมัยที่มุ่งมั่นในการผสานคุณภาพเข้ากับการคิดนอกกรอบ เพื่อสร้างสรรค์รสชาติใหม่ที่เข้าถึงใจผู้ดื่มได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับ JOHNNIE WALKER Double Black เป็นวิสกี้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความเข้มข้นของ JOHNNIE WALKER Black Label โดยมีการปรับสูตรให้มีความเข้มข้น เคร่งขรึม ซับซ้อน และรมควันมากขึ้น ทำให้วิสกี้รุ่นนี้เน้นการใช้มอลต์วิสกี้จากภูมิภาคไอลาที่มีจุดเด่นที่ควันพีท และการเลือกถังไม้โอ๊คที่ผ่านการเผาไฟมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้รสชาติ และรสสัมผัสที่เข้มข้น และมีกลิ่นที่ซับซ้อนกว่ารุ่นดั้งเดิม โดยกระบวนการผลิตในแต่ละขั้นตอนของ JOHNNIE WALKER Double Black มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
การคัดเลือกวัตถุดิบ เป็นขั้นตอนที่เริ่มต้นจากการคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพสูง ได้แก่ มอลต์บาร์เลย์คุณภาพดีจากพื้นที่สก็อตแลนด์ และน้ำบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้เป็นหัวใจหลักของการกลั่นวิสกี้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของ JOHNNIE WALKER
การอบมอลต์ด้วยพีท สำหรับกระบวนการนี้มอลต์บางส่วนจะถูกทำให้แห้งด้วยควันจากพีท ซึ่งพบได้มากในภูมิภาคไอลา ทำให้ได้กลิ่นควันเฉพาะที่เข้มข้น และหนักแน่น ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ Double Black
การกลั่น สำหรับมอลต์ที่ผ่านการอบแล้วจะถูกนำไปหมัก และกลั่นในหม้อทองแดงแบบดั้งเดิม เพื่อให้ได้แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ที่มีกลิ่น และรสชาติที่คมชัด อีกทั้งวิสกี้ที่ได้จะมีระดับแอลกอฮอล์สูง และยังไม่ผ่านการบ่ม
การเลือกถังไม้โอ๊ค สำหรับการบ่ม JOHNNIE WALKER Double Black นั้นจะใช้ถังไม้โอ๊คที่ผ่านการเผาไฟอย่างหนัก หรือ Heavily Charred Oak Casks เพื่อเพิ่มกลิ่นไม้ไหม้ คาราเมล และวานิลลา โดยถังเหล่านี้ช่วยเสริมความเข้มข้นของรสชาติให้โดดเด่นขึ้นกว่าวิสกี้รุ่นอื่นๆ
การบ่ม หลังจากเลือกถังไม้โอ๊คได้แล้วนั้นวิสกี้จะถูกนำไปบ่มในถังไม้โอ๊คตามระยะเวลาที่เหมาะสม โดยใช้ทั้งมอลต์วิสกี้ และเกรนวิสกี้จากหลายภูมิภาค และวิสกี้ที่ใช้จะต้องมีอายุเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 12 ปี ทำให้ได้รสชาติที่ลุ่มลึก และนุ่มนวล
การเบลนด์ ถือว่าเป็นขั้นตอนที่เป็นหัวใจสำคัญของ JOHNNIE WALKER ทุกขวด โดย Master Blender จะทำการคัดเลือกวิสกี้จากหลายแหล่งมาผสมผสานอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของ Double Black ทั้งความเผ็ด รมควัน และความนุ่มลึกของรสชาติ
การบรรจุขวด หลังจากผ่านการเบลนด์แล้ว วิสกี้จะถูกกรองเย็น เพื่อให้มีความใส และบรรจุลงขวดที่ออกแบบมาเฉพาะ พร้อมติดฉลาก "Double Black" ที่สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่น ก่อนจะถูกส่งจำหน่ายไปยังมือของนักดื่มทั่วโลก
JOHNNIE WALKER Double Black ถือว่าเป็นวิสกี้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น และแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตระกูลเดียวกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องของกลิ่นควันที่ชัดเจน และเข้มข้นกว่า Black Label หลายเท่า แต่ยังคงความสมดุลที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์เอาไว้ ทำให้เวลาดื่มนั้นนักดื่มจะสามารถสัมผัสได้ถึงรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของ JOHNNIE WALKER Double Black ที่มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
กลิ่น (Aroma) สำหรับกลิ่นของ JOHNNIE WALKER Double Black นั้นจะเปิดมาด้วยกลิ่นของควันไม้พีทที่เด่นชัด ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้มอลต์ที่อบด้วยพีทจากภูมิภาคไอลา ตามมาด้วยกลิ่นของไม้โอ๊คเผาไหม้ คาราเมล วานิลลา และผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกด อินทผลัม และมะเดื่อแห้ง ซึ่งช่วยเพิ่มความนุ่มลึก และความอบอุ่นให้กับกลิ่นโดยรวม และปิดท้ายด้วยโน้ตของเครื่องเทศ เช่น อบเชย และพริกไทยดำ เป็นต้น
รสชาติ (Flavor) สำหรับรสชาติของ JOHNNIE WALKER Double Black นั้นจะเปิดมาด้วยรสหวานแบบมอลต์ที่สมดุลกับความเค็มเล็กน้อย จากนั้นจะมีรสชาติของควันพุ่งขึ้นมาอย่างเด่นชัดบนลิ้น ให้ความรู้สึกเข้มข้น แต่ไม่รุนแรงเกินไป ผสมผสานเข้ากันกับรสชาติของผลไม้สุกอย่างแอปเปิล ลูกพรุน และกล้วย ปิดท้ายด้วยความหอมหวานของคาราเมล น้ำผึ้ง และวานิลลา ซึ่งเป็นผลจากถังไม้โอ๊คที่เผาไฟมาเป็นอย่างดี
รสสัมผัส (Mouthfeel) สำหรับรสสัมผัสของ JOHNNIE WALKER Double Black นั้นจะมีสัมผัสที่แน่น และนุ่มในเวลาเดียวกัน ตัวเนื้อวิสกี้มีความหนืดพอประมาณแต่ไม่ถึงกับหนัก อีกทั้งยังมีความนวลเนียนบนลิ้น ไม่แสบคอ แต่มีความอุ่นที่ไหลผ่านลงสู่ลำคอได้อย่างนุ่มละมุน อีกทั้งยังมีความเข้มของควันช่วยเสริมมิติให้กับรสสัมผัสโดยรวม ทำให้รู้สึกถึงความลุ่มลึกที่แตกต่างจากวิสกี้ทั่วไป
ด้วยองค์ประกอบของรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของ JOHNNIE WALKER Double Black ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และสะท้อนถึงกลิ่นอายของสก็อตช์วิสกี้ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ JOHNNIE WALKER Double Black เป็นอีกหนึ่งวิสกี้ที่เป็นที่นิยมของนักดื่มวิสกี้ทั่วโลก ดังนั้น ถ้าหากนักดื่มคนไหนอยากจะสัมผัสถึงความพรีเมียม และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ JOHNNIE WALKER Double Black ในราคาสบายกระเป๋า ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Celler BKK ที่มี JOHNNIE WALKER Double Black พร้อมส่งทันที ไม่ต้องรอพรีออเดอร์ ของแท้ 100% ราคาดีที่สุด จัดส่งไวให้ถึงหน้าบ้าน สั่งซื้อได้ที่ Line Official : @winecellar24 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับ JOHNNIE WALKER Double Black เป็นวิสกี้ที่ออกแบบมาเพื่อการดื่มแบบเต็มรสสัมผัส โดยเฉพาะนักดื่มที่ชื่นชอบความหอมของควัน และรสชาติที่เข้มข้น ดังนั้น การเสิร์ฟ และดื่มวิสกี้รุ่นนี้อย่างเหมาะสมก็จะช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ในการดื่ม พร้อมกับยกระดับรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นให้มีความพรีเมียมมากขึ้น ซึ่งในแต่ละเทคนิคที่นักดื่มสามารถทำตามได้ง่ายๆ มีดังนี้
วิธีการเสิร์ฟ สำหรับวิธีการเสิร์ฟ และดื่มของ JOHNNIE WALKER Double Black นั้นมีให้เลือกหลากหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น
ดื่มแบบเพียว หรือที่เรียกว่า Neat เป็นวิธีที่นิยมสำหรับนักดื่มตัวจริง เพียงแค่เทวิสกี้แบบเพียวๆ ลงแก้วทรงทิวลิป หรือแก้ว Glencairn โดยไม่ใส่น้ำแข็ง หรือผสมน้ำ เพื่อให้ได้รสชาติ และกลิ่นที่ชัดเจนที่สุด
ดื่มแบบใส่น้ำแข็ง หรือที่เรียกว่า On the Rocks เป็นการเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง ที่นักดื่มจะต้องใส่น้ำแข็งลงไปประมาณ 1-2 ก้อน เพื่อช่วยลดความเข้มข้นของกลิ่นควัน ทำให้ดื่มง่ายขึ้น
ดื่มแบบเติมน้ำ หรือที่เรียกว่า Splash of Water เป็นการเสิร์ฟที่จะนักดื่มจะต้องเติมน้ำเย็นเพียงเล็กน้อย เพื่อให้วิสกี้เปิดเผยกลิ่นซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ และวิธีนี้จะช่วยให้รสชาตินุ่มขึ้น โดยไม่ลดความนุ่มลึกของรสชาติ
วิธีการดื่ม สำหรับวิธีการดื่ม JOHNNIE WALKER Double Black ไม่ว่าจะดื่มแบบเพียว ใส่น้ำแข็ง หรือใส่น้ำ แต่ก่อนดื่มให้สูดดมกลิ่นก่อนดื่ม เพื่อให้ประสาทรับกลิ่นปรับตัว หลังจากนั้นให้ทำการจิบช้าๆ ทีละเล็กน้อย และกลั้วในปากเบาๆ แล้วจึงค่อยปล่อยให้วิสกี้ไหลผ่านลงคออย่างช้าๆ และสัมผัสได้ถึง aftertaste ที่ทิ้งไว้ภายในปากอย่างยาวนาน
วิธีการจับคู่อาหาร ควรทำการจับคู่ JOHNNIE WALKER Double Black กับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อรมควัน เช่น ซี่โครงย่าง เนื้อสเต็กติดมัน หรือเบคอนรมควัน ที่สามารถตัดกับกลิ่นควันของวิสกี้ได้ดี หรือชีสที่มีกลิ่นแรงอย่างบลูชีส หรือชีสเชดด้า ที่มีความเข้มข้น สามารถเสริมมิติให้กับกลิ่นไม้ไหม้ในวิสกี้ได้ รวมถึงขนมหวานอย่างช็อกโกแลต โดยเฉพาะดาร์กช็อกโกแลต 70% ขึ้นไป ที่จะช่วยดึงความหวาน และโน้ตของคาราเมลออกมาให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
วิธีการเก็บรักษา ควรทำการเก็บ JOHNNIE WALKER Double Black ไว้ในที่แห้ง และเย็น มืด อุณหภูมิคงที่ ไม่ร้อนเกินไป หรือประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง เพราะแสง UV ทำลายโครงสร้างของวิสกี้ได้ และควรตั้งขวดในแนวตั้งเสมอ เพราะแอลกอฮอล์สามารถกัดกร่อนจุกปิดขวดได้หากสัมผัสโดยตรงเป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้สูญเสียความแน่นของฝา และเกิดการระเหยได้ และปิดฝาขวดให้แน่นหลังเปิดทุกครั้ง เพื่อป้องกันออกซิเดชันที่จะเปลี่ยนรสชาติ และถ้าหากเปิดแล้ว ควรดื่มให้หมดภายใน 6–12 เดือน เพื่อรักษาคุณภาพของกลิ่น และรสชาติไว้
สำหรับนักดื่มที่กำลังอยากจะซื้อ JOHNNIE WALKER Double Black ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Cellar BKK แหล่งนำเข้า และแหล่งจำหน่ายเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีบริการแอดมินให้คำแนะนำสินค้าอย่างมืออาชีพ อยากได้ไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน หรืออยากได้เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อยากได้ยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ มีงบประมาณเท่าไหร่ ซื้อดื่มเอง หรือซื้อเป็นของขวัญ ก็สามารถแจ้งแอดมินได้ เพื่อให้แอดมินแนะนำเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์กับความต้องการของนักดื่มมากที่สุด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้เลยที่
Website : www.winecellarbkk.com หรือ คลิก ที่นี่
โดยที่ Wine Cellar BKK มีเครื่องดื่มให้นักดื่มได้เลือกสรรกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว แชมเปญ สปาร์คกลิ้งไวน์ คอนญัก วิสกี้ หรือเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีให้เลือกซื้อกันอย่างครบครัน การันตีสินค้าทุกขวดเป็นของแท้ 100% ผ่านการคัดสรรเครื่องดื่มทุกขวดด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน และการันตีว่าจำหน่ายในราคาดีที่สุดในตลาด เพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า และให้นักดื่มเข้าถึงเครื่องดื่มขวดโปรดได้ในราคาย่อมเยา มาพร้อมกับบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้าน ที่มีให้นักดื่มได้เลือกใช้ทั้งบริการจัดส่งสินค้าด่วนภายในกทม. ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 1-2 วัน สามารถสั่งซื้อเครื่องดื่มกับ Wine Cellar BKK ได้ง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา แพ็คสินค้าทุกออเดอร์เป็นอย่างดี มีการรับประกันสินค้าระหว่างการจัดส่ง หากสินค้าได้รับความเสียหาย แตก หัก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ที่เกิดจากการจัดส่ง ทางร้านยินดีเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นขวดใหม่ให้ทันที แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อสร้างความประทับใจในการเลือกซื้อไวน์กับเราตลอดการบริการ
Thanks for subscribing!
This email has been registered!