Couldn't load pickup availability
- Free standard shipping on orders over 10,000 THB
You may return most new, unopened items within 30 days of delivery for a full refund. We'll also pay the return shipping costs if the return is a result of our error (you received an incorrect or defective item, etc.).
You should expect to receive your refund within four weeks of giving your package to the return shipper, however, in many cases you will receive a refund more quickly. This time period includes the transit time for us to receive your return from the shipper (5 to 10 business days), the time it takes us to process your return once we receive it (3 to 5 business days), and the time it takes your bank to process our refund request (5 to 10 business days).
If you need to return an item, simply login to your account, view the order using the "Complete Orders" link under the My Account menu and click the Return Item(s) button. We'll notify you via e-mail of your refund once we've received and processed the returned item.
“JOHNNIE WALKER Blue Label” ไม่ใช่เพียงแค่วิสกี้สก็อตช์ระดับพรีเมียม แต่เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา ความประณีต และการคัดสรรที่สุดแห่งคุณภาพจากโลกแห่งวิสกี้ นับตั้งแต่ที่ผลิตภัณฑ์นี้ได้ถือกำเนิดขึ้น ก็ได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่สะท้อนถึงความสำเร็จ ความมุ่งมั่น และรสนิยมของผู้ที่เลือกดื่ม เพราะวิสกี้รุ่นนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้น เพื่อการบริโภคทั่วไป แต่เป็นบทกวีแห่งรสชาติที่ผสมผสานความเก่าแก่ของสูตรดั้งเดิมเข้ากับการกลั่นที่พิถีพิถันอย่างที่สุด
โดย JOHNNIE WALKER Blue Label ถูกยกย่องว่าเป็น “สุดยอดแห่งความสมดุล” ของโลกวิสกี้ ด้วยกลิ่นหอมที่ลุ่มลึก รสสัมผัสที่ซับซ้อน และความนุ่มนวลที่หายาก ทำให้ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้สัมผัส เพราะแม้แต่วัตถุดิบที่ใช้ในแต่ละขวด ยังถูกคัดเลือกอย่างละเอียดจากเพียง 1 ใน 10,000 ถังเท่านั้น และความหรูหราเช่นนี้ จึงทำให้ JOHNNIE WALKER Blue Label ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายๆ อีกทั้งยังเป็นการเล่าเรื่องของศิลปะแห่งการสร้างวิสกี้ การเดินทางของแบรนด์ที่ก้าวข้ามผ่านกาลเวลา และความตั้งใจที่จะยืนหยัดในความคลาสสิกที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Wine Cellar BKK ก็จะพานักดื่มทุกคนมาทำความรู้จักกับ JOHNNIE WALKER Blue Label กันมากขึ้นว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน พร้อมแนะนำเทคนิคในการดื่มแบบง่ายๆ โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย
สำหรับ JOHNNIE WALKER Blue Label ถือกำเนิดขึ้นภายใต้แรงบันดาลใจจากสูตรการผสมวิสกี้ชั้นเลิศที่ John Walker และครอบครัวได้ริเริ่มมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดย Blue Label เป็นเสมือนเครื่องบรรณาการต่อความมุ่งมั่น และความรู้เชิงลึกในศาสตร์แห่งการกลั่นของตระกูล Walker ที่ได้สืบทอดกันมานานหลายชั่วอายุคน โดยเฉพาะ Alexander Walker ลูกชายของ John Walker ผู้มีบทบาทสำคัญในการขยายแบรนด์ไปสู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดย JOHNNIE WALKER Blue Label ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในปี 1992 โดย Diageo ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ Johnnie Walker ในปัจจุบัน และวิสกี้รุ่นนี้ถูกออกแบบมา เพื่อสะท้อนรสชาติของวิสกี้ยุคศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีความเข้มข้น ซับซ้อน และนุ่มลึก โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นการแสดงถึง “สุดยอดแห่งการผสมผสาน” ของสก็อตช์วิสกี้ ที่ต้องใช้ถังวิสกี้เก่าอายุยาวนาน และหายาก ที่มีคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตัว
และจุดเด่นของ JOHNNIE WALKER Blue Label อยู่ที่การคัดเลือกวัตถุดิบ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการผลิต โดยทีม Master Blender จะทำการคัดสรรเพียง 1 ถังในทุกๆ 10,000 ถังที่มีศักยภาพเพียงพอในการนำมาสร้างเป็น Blue Label ขวดหนึ่ง ซึ่งหมายถึงวัตถุดิบทุกหยดในขวดนี้ต้องมีความโดดเด่นทั้งด้านรสชาติแ ละความสมดุลอย่างไม่มีที่ติ ทำให้ความหรูหรา และเอกลักษณ์ของ Blue Label นั้นสะท้อนอยู่ในรายละเอียดของการบรรจุขวด ขวดแก้วทรงเหลี่ยมที่หรูหราถูกออกแบบให้สะท้อนภาพลักษณ์ของความมั่นคง และสง่างาม พร้อมด้วยฉลากสีน้ำเงินเข้มที่แสดงถึงระดับสูงสุดของคุณภาพในแบรนด์ Johnnie Walker ทุกขวดจะมีหมายเลขประจำขวดเฉพาะ เพื่อเพิ่มความพิเศษ และความน่าเชื่อถือให้กับผู้ถือครอง
นอกจากนั้นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Blue Label กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก คือ การใช้กลยุทธ์การตลาดที่เน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายระดับสูง โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย และตะวันออกกลาง ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความหรูหรา และความมีเอกลักษณ์ จึงทำให้ JOHNNIE WALKER Blue Label กลายเป็นวิสกี้ที่ใช้ในโอกาสพิเศษ เช่น การเฉลิมฉลองความสำเร็จ การมอบเป็นของขวัญผู้บริหาร หรือการสะสมในกลุ่มนักดื่มที่รักในคุณภาพ และในปัจจุบัน JOHNNIE WALKER Blue Label ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความลักชัวรีในโลกวิสกี้ แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงอดีตแ ละปัจจุบันไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ผ่านการเล่าเรื่องด้วยรสชาติ และกลิ่นหอมของวิสกี้เก่าอายุยาวนานซึ่งหาได้ยาก และการได้ลิ้มลอง JOHNNIE WALKER Blue Label จึงเปรียบได้กับการเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ของการสร้างวิสกี้ที่ยังคงสืบทอดอยู่ในทุกหยดอย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับ JOHNNIE WALKER Blue Label ที่ถือเป็นวิสกี้ระดับพรีเมียมจากแบรนด์ Johnnie Walker ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความซับซ้อน ลุ่มลึก และความประณีตในการคัดสรรนั้นก็เกิดจากกระบวนการผลิตของ Blue Label ที่มีความแตกต่างจากวิสกี้ทั่วไป ซึ่งในแต่ละขั้นตอนในการผลิต JOHNNIE WALKER Blue Label ก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
การคัดเลือกข้าวบาร์เลย์ และน้ำ สำหรับการผลิต JOHNNIE WALKER Blue Label นั้นเริ่มต้นจากการคัดสรรข้าวบาร์เลย์คุณภาพสูง และใช้น้ำบริสุทธิ์จากแหล่งธรรมชาติในสก็อตแลนด์ และกระบวนการนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ เพราะว่าวัตถุดิบที่ดีจะเป็นพื้นฐานของรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีเอกลักษณ์
การทำมอลต์ และการบด สำหรับข้าวบาร์เลย์ที่ผ่านการคัดเลือกมานั้นจะถูกนำไปแช่น้ำ และปล่อยให้เริ่มงอกจนกลายเป็นมอลต์ ซึ่งจะถูกอบแห้งด้วยลมร้อน และบางส่วนอาจผ่านการรมควันจากพีทเล็กน้อย จากนั้นจึงนำไปบดให้กลายเป็นแป้งมอลต์ พร้อมสำหรับการหมักในขั้นตอนถัดไป
การหมัก สำหรับแป้งมอลต์จะถูกผสมน้ำอุ่น และยีสต์ในถังหมัก ทำให้แป้งเปลี่ยนเป็นน้ำตาล และน้ำตาลจะถูกยีสต์แปรรูปเป็นแอลกอฮอล์ โดยกระบวนการนี้ใช้เวลาหลายวัน ทำให้ได้ของเหลวที่เรียกว่า “Wash” และมีระดับแอลกอฮอล์ราว 6-8%
การกลั่น สำหรับ Blue Label นั้นจะเลือกใช้มอลต์ และเกรนวิสกี้ที่ผ่านการผลิตมาอย่างพิถีพิถัน โดยจะกลั่นด้วยหม้อต้มทองแดงแบบดั้งเดิม 2 ครั้ง เพื่อแยกสิ่งเจือปน และเพิ่มความเข้มข้น รวมถึงกลั่นให้ได้แอลกอฮอล์ที่บริสุทธิ์ และกลมกล่อมด้วย
การคัดสรรวิสกี้ที่เก็บบ่ม สำหรับหัวใจสำคัญที่สุดของการผลิต Blue Label คือ การคัดสรรวิสกี้จากถังไม้โอ๊กที่หายาก และเก่าแก่มากกว่า 1 ใน 10,000 ถัง โดยจะเลือกเฉพาะถังที่มีรสชาติซับซ้อน และกลมกล่อมอย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้น
การผสม สำหรับขั้นตอนนี้จะใช้ Master Blender ของ Johnnie Walker ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ที่จะทำหน้าที่ผสมวิสกี้จากถังที่ผ่านการคัดเลือกเข้าด้วยกันอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับ Blue Label ที่มีความซับซ้อน ลุ่มลึก และสมดุล
การบรรจุขวด และตรวจสอบคุณภาพ เมื่อได้ส่วนผสมที่ลงตัวแล้วนั้นก็จะนำมาบรรจุขวดด้วยกระบวนการที่ควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งติดฉลากเลขซีเรียลเฉพาะขวด เพื่อแสดงความพรีเมียม และการตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขวด
ด้วยขั้นตอนที่ประณีต และใช้เวลา รวมทั้งการผสมผสานวิสกี้หายาก จึงทำให้ JOHNNIE WALKER Blue Label เป็นหนึ่งในวิสกี้ที่ทรงคุณค่า และยากจะเทียบเคียง ที่เหล่านักดื่มวิสกี้ตัวจริงอยากจะลิ้มลองกันให้ได้สักครั้ง
สำหรับ JOHNNIE WALKER Blue Label ได้รับการยอมรับในระดับโลกว่าเป็นวิสกี้ที่มี “รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีความซับซ้อนมากที่สุด” ในตระกูลวิสกี้ของ Johnnie Walker โดยเวลาที่นักดื่มดื่มนั้นจะสามารถสัมผัสได้ถึงรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นที่มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
รสชาติ (Flavor) สำหรับรสชาติของ JOHNNIE WALKER Blue Label นั้นจะเริ่มต้นมาด้วยความกลมกล่อม และเนียนนุ่ม ตามมาด้วยรสชาติหวานของผลไม้อบแห้ง น้ำผึ้ง และวานิลลา อีกทั้งยังมีความเข้มจากมอลต์ และเครื่องเทศจางๆ คล้ายพริกไทยดำ หรืออบเชย ปิดท้ายด้วยรสชาติของถั่ว ดาร์คช็อคโกแลต และหนังแท้ ที่สามารถบาลานซ์ระหว่างความหวาน ความครีมมี่ และความเผ็ดร้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
รสสัมผัส (Mouthfeel) สำหรับรสสัมผัสของ JOHNNIE WALKER Blue Label นั้นจะให้สัมผัสที่เนียนนุ่ม ครีมมี่ ละมุนลิ้น ไม่หยาบกระด้าง ความรู้สึกคล้ายกำมะหยี่ มีความหนานุ่มแบบ Full Body ทิ้งท้ายรายละเอียดต่างๆ ไว้อย่างยาวนาน เช่น กลิ่นควันจางๆ ผสมกับความหวานของผลไม้แห้ง และเครื่องเทศ เป็นต้น
กลิ่น (Aroma) สำหรับกลิ่นของ JOHNNIE WALKER Blue Label นั้นจะเปิดตัวมาอย่างละมุนด้วยกลิ่นไม้โอ๊ก ผลไม้อบแห้ง และเปลือกส้ม ตามมาด้วยกลิ่นหอมหวานจากน้ำผึ้งเข้ามาแทรก ก่อนจะพัฒนากลายเป็นกลิ่นวานิลลา โกโก้ และกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ เช่น อบเชย และลูกจันทน์ และปิดท้ายด้วยกลิ่นควันจางๆ แบบสโมคกี้ที่เป็นกลิ่นที่ทำให้ Blue Label แตกต่างจากวิสกี้ทั่วไป
ด้วยองค์ประกอบของรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของ JOHNNIE WALKER Blue Label ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และสะท้อนถึงกลิ่นอายของสก็อตช์วิสกี้ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ JOHNNIE WALKER Blue Label เป็นอีกหนึ่งวิสกี้ที่เป็นที่นิยมของนักดื่มวิสกี้ทั่วโลก ดังนั้น ถ้าหากนักดื่มคนไหนอยากจะสัมผัสถึงความพรีเมียม และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ JOHNNIE WALKER Blue Label ในราคาสบายกระเป๋า ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Celler BKK ที่มี JOHNNIE WALKER Blue Label พร้อมส่งทันที ไม่ต้องรอพรีออเดอร์ ของแท้ 100% ราคาดีที่สุด จัดส่งไวให้ถึงหน้าบ้าน สั่งซื้อได้ที่ Line Official : @winecellar24 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการดื่ม JOHNNIE WALKER Blue Label นั้นไม่ใช่เพียงแค่การลิ้มลองความพรีเมียมในรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประสบการณ์ในการดื่มวิสกี้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยเทคนิคในการดื่มที่จะช่วยให้นักดื่มสัมผัสถึงความพรีเมียมของ JOHNNIE WALKER Blue Label ได้อย่างเต็มที่นั้นมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
วิธีการเสิร์ฟ และดื่ม สำหรับวิธีการเสิร์ฟ และดื่มของ JOHNNIE WALKER Blue Label นั้นมีให้เลือกหลากหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น
ดื่มเพียว เป็นวิธีการดื่ม JOHNNIE WALKER Blue Label ที่ไม่ผสมกับอะไรเลย โดยใช้แก้ว Glencairn หรือแก้ว Tumbler ทรงเตี้ย เพื่อให้สัมผัสกลิ่นได้เต็มที่ และเสิร์ฟที่อุณหภูมิห้อง หรือประมาณ 18-22 องศาเซลเซียส เพื่อให้กลิ่นหอมชัดเจนยิ่งขึ้น
ดื่มแบบเติมน้ำ เป็นวิธีการดื่ม JOHNNIE WALKER Blue Label ที่มีการเติมน้ำสะอาดประมาณ 2-3 หยด เพื่อลดความเข้มข้น และความแรงของแอลกอฮอล์ลงเล็กน้อย และช่วยเปิดกลิ่นให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ดื่มแบบใส่น้ำแข็ง หรือที่เรียกว่า On the rocks ที่เป็นวิธีการดื่ม JOHNNIE WALKER Blue Label ที่เติมน้ำแข็งก้อน 1-2 ก้อน ที่จะช่วยให้ตัววิสกี้ค่อยๆ จางลงทีละเล็กน้อย ทำให้ดื่มได้เรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลิน และเหมาะกับสายดื่มมือใหม่เป็นอย่างมาก
วิธีการจับคู่อาหาร ควรทำการจับคู่ JOHNNIE WALKER Blue Label กับอาหารที่เป็นประเภทรมควัน เช่น แซลมอนรมควัน เนื้อวากิวย่าง หรือซี่โครงหมูบาร์บีคิว เป็นต้น รวมถึงเมนูอาหารที่มีส่วนประกอบของชีสที่มีกลิ่นหอม เช่น ชีสบรี หรือชีสบลู และเมนูของหวานต่างๆ เช่น ดาร์กช็อกโกแลต หรือของหวานที่มีวานิลลา และกาแฟ เป็นต้น
วิธีการเก็บรักษา ควรทำการเก็บรักษา JOHNNIE WALKER Blue Label ไว้ในที่มืด อุณหภูมิคงที่ ไม่ร้อนเกินไป หรือประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงแสงแดด และแหล่งความร้อนโดยตรง รวมถึงควรหลีกเลี่ยงความชื้น และอากาศที่ถ่ายเทไม่ดี เพราะความชื้นอาจทำลายฉลากขวด และกล่องบรรจุภัณฑ์ รวมถึงอาจส่งผลต่อฝาปิดในระยะยาว และควรเก็บในที่แห้ง และมีการระบายอากาศอย่างเหมาะสม เช่น ชั้นเก็บไวน์หรือในตู้เฉพาะสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และควรตั้งขวดในแนวตั้งเสมอ เพราะแอลกอฮอล์สามารถกัดกร่อนจุกปิดขวดได้หากสัมผัสโดยตรงเป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้สูญเสียความแน่นของฝา และเกิดการระเหยได้ หลังเปิดขวด ควรปิดฝาให้แน่น และถ้าหากดื่มไม่หมด ควรดื่มภายใน 1-2 ปี เพื่อให้ยังคงรสชาติสมบูรณ์มากที่สุด
สำหรับนักดื่มที่กำลังอยากจะซื้อ JOHNNIE WALKER Blue Label ก็สามารถแวะมาหาซื้อได้ที่ Wine Cellar BKK แหล่งนำเข้า และแหล่งจำหน่ายเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีบริการแอดมินให้คำแนะนำสินค้าอย่างมืออาชีพ อยากได้ไวน์ที่มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นแบบไหน หรืออยากได้เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อยากได้ยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ มีงบประมาณเท่าไหร่ ซื้อดื่มเอง หรือซื้อเป็นของขวัญ ก็สามารถแจ้งแอดมินได้ เพื่อให้แอดมินแนะนำเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์กับความต้องการของนักดื่มมากที่สุด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้เลยที่
Website : www.winecellarbkk.com หรือ คลิก ที่นี่
โดยที่ Wine Cellar BKK มีเครื่องดื่มให้นักดื่มได้เลือกสรรกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว แชมเปญ สปาร์คกลิ้งไวน์ คอนญัก วิสกี้ หรือเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีให้เลือกซื้อกันอย่างครบครัน การันตีสินค้าทุกขวดเป็นของแท้ 100% ผ่านการคัดสรรเครื่องดื่มทุกขวดด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน และการันตีว่าจำหน่ายในราคาดีที่สุดในตลาด เพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า และให้นักดื่มเข้าถึงเครื่องดื่มขวดโปรดได้ในราคาย่อมเยา มาพร้อมกับบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้าน ที่มีให้นักดื่มได้เลือกใช้ทั้งบริการจัดส่งสินค้าด่วนภายในกทม. ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ ที่ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 1-2 วัน สามารถสั่งซื้อเครื่องดื่มกับ Wine Cellar BKK ได้ง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา แพ็คสินค้าทุกออเดอร์เป็นอย่างดี มีการรับประกันสินค้าระหว่างการจัดส่ง หากสินค้าได้รับความเสียหาย แตก หัก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ที่เกิดจากการจัดส่ง ทางร้านยินดีเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นขวดใหม่ให้ทันที แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อสร้างความประทับใจในการเลือกซื้อไวน์กับเราตลอดการบริการ
6. สนใจรับ JOHNNIE WALKER Blue Label ของแท้ 100% พร้อมส่ง ราคาดีที่สุด สั่งได้เลย > ที่นี่
Thanks for subscribing!
This email has been registered!